เบอร์เกอร์คิงส่งวอปเปอร์หมู
เพื่อคนไทยครั้งแรกในโลก
“เบอร์เกอร์ คิง” ผู้นำเบอร์เกอร์ระดับพรีเมี่ยม เอาใจคนรักเบอร์เกอร์ขนาดใหญ่กัดเต็มคำกับขนาด 5 นิ้ว ด้วยเมนูใหม่ล่าสุดพิเศษครั้งแรกในไทยและในโลก ได้แก่ เมนู “Pork Whopper” (วอปเปอร์ หมู) สูตรต้นตำรับ ที่ใช้เนื้อหมูย่างบนเปลงไฟ มาเสิร์ฟความอร่อยสำหรับคนไม่ทานเนื้อ หอม นุ่ม และผสมลงตัวกับผักที่สด กรอบ พร้อมขนมปังโรยงาเนื้อนุ่ม อิ่มอร่อยเต็มคำ รับประกันคุณภาพด้วยวัตถุดิบระดับมาตรฐานของเบอร์เกอร์ คิง งัดกลยุทธ์การตลาดทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก พร้อมลุยจัดแคมเปญผ่านทีวีและช่องทางดิจิตอลไตรมาส3-4 หวังดันรายได้ปี59โตต่อ55%
นายประพัฒน์ เสียงจันทร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือไมเนอร์ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้รับสิทธิทำตลาดเบอร์เกอร์คิงในไทยเปิดตัวเมนูใหม่ “Pork Whopper” (วอปเปอร์ หมู)ที่ถือเป็นครั้งแรกในเมืองไทยและครั้งแรกของโลกด้วย ผลิตจากเนื้อหมูของไทย เป็นเมนูเอาใจลูกค้าชาวไทยที่ชอบรับประทานเนื้อหมูและโดยทั่วไปคนไทยรับประทานได้หลากหลายอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังเอาใจผู้โปรดปรานเบอร์เกอร์ “ไซซ์ใหญ่” ที่สำคัญยังเพื่อฉลองปีที่ 16 ของเบอร์เกอร์คิงในประเทศไทยคิงด้วย
เมนู Pork Whopper (วอปเปอร์ หมู) ที่นำเสนอเป็นสูตรต้นตำรับ เนื้อหมูย่างบนเปลวไฟ กับวอปเปอร์ขนาดใหญ่ 5 นิ้ว เนื้อหมูย่างบนเปลงไฟ หอม นุ่ม และผสมลงตัวกับผักที่สด กรอบ ขนมปังโรยงาเนื้อนุ่ม อิ่มอร่อยเต็มคำ รับประกันคุณภาพด้วยวัตถุดิบระดับมาตรฐานของเบอร์เกอร์ คิง จึงเป็นอีกเมนูที่คนรักเบอร์เกอร์ทุกคนไม่ควรพลาด มีสนนราคาที่ 209 บาท
นายประพัฒน์กล่าวต่อว่า คาดว่า เมนูใหม่จะมาช่วยเสริมเมนูอร่อย ๆ ที่มีอยู่เดิมและช่วยผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้น หลังจากที่ผ่านมาคนไทยยังตอบรับเบอร์เกอร์คิงในระดับค่อนข้างดีมาอย่างต่อเนื่องสวนภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก นอกจากนี้ยังพร้อมงัดกลยุทธ์ในการทำตลาดทุกทางทั้งเฟซบุ๊ก เวบไซต์และในไตรมาสที่ 3และ4 จะจัดแคมเปญผ่านทางทีวีและช่องทางดิจิตอลด้วยงบประมาณทางการตลาดที่ 50 ล้านบาทสำหรับปี 2559 นี้ พร้อมตั้งเป้ารายได้เติบโต 55% ทัดเทียมกับปี 2558 และมุ่งขยายสาขาเพิ่ม 15 สาขา โดยเปิดไปแล้ว 5 สาขา ขณะนี้มียอดรวม 60 สาขา ซึ่งแต่ละสาขาใช้งบประมาณ 25 ล้านบาท
“เบอร์เกอร์ คิง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1954 ณ รัฐไมอามี่ ฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีมากกว่า 50 รัฐ และมากกว่า 55 ประเทศทั่วโลก ธุรกิจเติบโตจนเป็นร้านเบอร์เกอร์ฟาสต์ฟู้ดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และยังเป็นต้นกำเนิดของวอปเปอร์แสนอร่อยที่เป็นที่รู้จักกันดี ด้วยความตั้งใจของเรา ที่จะเสริฟวัตถุดิบชั้นเลิศ คิดค้นเมนูสุดพิเศษ และมอบประสบการณ์ความสุขในการรับประทานอาหารให้กับลูกค้าทุกๆ คน นั่นคือสิ่งที่เรายึดมั่นมาตลอดระยะเวลา 50 ปี และด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของเบอร์เกอร์คิง เราใช้เนื้อวัวนำเข้า จากประเทศ ออสเตรเลีย และนำไปย่างบนเปลวไฟ ทำให้เนื้อหอมและไม่สุกจนเกินไป เมนูวอปเปอร์หมูก็ใช้หมูย่างบนเปลวไฟเหมือนกัน”
นายประพัฒน์กล่าวอีกว่า ในแต่ละวันมีลูกค้าแวะเวียนมาที่เบอร์เกอร์ คิงมากกว่า 11 ล้านคน ในสาขาต่างๆ ที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยธุรกิจเบอร์เกอร์คิงมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ2 เช่นเดียวกับระดับโลก โดยมีส่วนแบ่งตลาดมูลค่า 2,000 ล้านบาทจากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 7,000 ล้านบาท มีลูกค้าแวะมาร้านสาขาต่าง ๆ 45,000 คนต่อเดือน โดยเฉลี่ยมีการบริโภคเบอร์เกอร์ต่อคน คนละประมาณ 250 บาท ด้วยคุณภาพของอาหาร รสชาติ และความสดใหม่ ในราคาที่ทุกคนสามารถรับประทานได้ นอกจากนี้ทางเบอร์เกอร์คิงยังเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลฟุตบอลยูโร 2016 ที่จะมาถึงโดยจะมี 38 สาขาพร้อมเปิดบริการ 24 ชั่วโมง
สำหรับการขยายธุรกิจไปในโซนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือAEC นั้น นายประพัฒน์เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสที่3-4 จะไปเปิดสาขาที่สนามบินย่างกุ้งของเมียนมาร์หลังจากได้สิทธิทำตลาดแล้วในช่วงต้นปี เนื่องจากเมียนมาร์เป็นตลาดที่มีศักยภาพ ส่วนก่อนหน้านี้เมื่อ 2 ปีก่อนได้เปิด 2-3 สาขาที่มัลดีฟส์