TMBคาดกนง.คงดบ.ที่1.50%
ชี้เงินเฟ้อขาขึ้นปิดโอกาสลด
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics คาด กนง. จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 1.50 ในการประชุมวันที่ 22 มิถุนายนนี้ หลังเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเร็วกว่าคาด เดือนพ.ค.ขึ้นมาที่0.5% เหตุราคาอาหารสดเพิ่มขึ้นกว่า5.4% หลังภัยแล้งส่งผลกระทบต่ออุปทานและฐานราคาน้ำมันในระดับสูงทยอยหมดไป ประกอบกับเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัวได้ตามการคาดการณ์และจะดีขึ้นในครึ่งหลังของปีจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งก่อนในวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 โดยมองว่าภาวะทางการเงินผ่อนคลายมากขึ้น หลังธนาคารพาณิชย์ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง ในขณะที่เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้ตามที่มีการประเมินไว้ ดังนั้นจึงเก็บกระสุนเพื่อรักษาความสามารถในการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม
สำหรับภาพรวมของอุปสงค์ในประเทศในช่วงที่ผ่านมายังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก โดยการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากภาคธุรกิจมีกำลังการผลิตส่วนเกินเหลืออยู่ค่อนข้างมาก ส่งผลให้ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเร่งลงทุน ด้านการบริโภคยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากภัยแล้งซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร
อย่างไรก็ดี นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ และการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐ อาทิ โครงการมอเตอร์เวย์และรถไฟรางคู่ ซึ่งอาจอัดฉีดเงินกว่าหกหมื่นล้านบาทเข้าสู่ระบบในครึ่งปีหลัง จะช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน ส่งผลให้อุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มทยอยปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
สำหรับพัฒนาการของเศรษฐกิจไทยที่น่าจับตามองในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ การปรับเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอย่างรวดเร็วจนกลับมายืนอยู่ในแดนบวกได้อีกครั้ง หลังติดลบต่อเนื่องตลอดปี 2558 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2559 ล่าสุด ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 0.5 โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากราคาอาหารสดที่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 5.4 หลังปัญหาภัยแล้งส่งผลกระทบต่ออุปทาน
นอกจากนี้ราคาน้ำมันก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ในเดือนพฤษภาคม ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 47 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากระดับ 34 ดอลลาร์ในไตรมาสแรก ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 0.3 ในไตรมาสสองเทียบกับร้อยละ -0.5 ในไตรมาสก่อน
ส่วนในช่วงที่เหลือของปี 2559 นี้ ศูนย์วิเคราะห์ฯประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสำคัญจากฐานราคาน้ำมันในระดับสูงที่จะทยอยหมดไป ประกอบกับการปรับขึ้นของราคาอาหารสดจากภาวะภัยแล้ง ซึ่งถึงแม้เป็นปัจจัยในระยะสั้น แต่มีนัยยะเพียงพอที่ทำให้ศูนย์วิเคราะห์ฯปรับคาดการณ์เงินเฟ้อในปี 2559 ขึ้นเป็นร้อยละ 0.5 จากคาดการณ์เดิมที่ร้อยละ 0.1
โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มขยับขึ้นแตะระดับร้อยละ 1.3 กลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ร้อยละ 1.0 – 4.0 ส่งผลให้แรงกดดันต่อ กนง. ในการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเงินเฟ้อลดลงตามไปด้วย
โดยรวมแล้วท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่สามารถทยอยฟื้นตัวดีขึ้นได้ตามการคาดการณ์ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ปรับตัวสูงขึ้น และมีแนวโน้มกลับกลับเข้ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้ออีกครั้งในช่วงปลายปี ศูนย์วิเคราะห์ฯจึงมองว่า กนง. จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ในการประชุมวันที่ 22 มิถุนายนนี้