แปลงเพศ..เปลี่ยนกายให้ตรงใจ
แพทย์ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก
ในยุคสมัยนี้สามารถพบเห็น หญิงไม่แท้ หรือ ผู้ชายเทียม ได้ทั่วไป ซึ่งปัจจุบันนับว่าคนกลุ่มนี้โชคดีที่ปัจจุบันสังคมไทยหรือแม้แต่สังคมโลกเปิดกว้างให้การยอมรับมากขึ้น ประกอบกับวิทยาการก้าวหน้ามากขึ้น ช่วยให้พวกเขาได้สมหวัง สามารถ “แปลงเพศ เปลี่ยนกายให้ตรงกับใจ” ซึ่งศัลยแพทย์ไทยมีฝีมือไม่แพ้ที่ใดในโลก เป็นที่ยอมรับของทั้งชาวไทยและต่างประเทศ “รพ.ยันฮี” ก็เช่นกัน คร่ำหวอดในวงการแปลงเพศมากว่า 20 ปี ผ่าไปแล้ว 1,500 รายและในปี 2559 นี้ คาดว่าจะกลายเป็นรพ.ที่มียอดผ่าตัดแปลงเพศสูงสุดติด1ใน 3ของเอเชีย
ปอย-ตรีชฎา (ภาพจาก-rakdara.net)
“ปอย – ตรีชฏา เพชรรัตน์” มิสทิฟฟานี่ ยูนิเวิร์ส 2547 หรือ “นก – ยลดา สวยยศ” มิสอัลคาซ่าร์ปี 2548 ผู้หญิงสวยรวยเสน่ห์ที่สามารถละลายหัวใจของผู้ชายแท้ ๆลงได้ เป็นตัวอย่างชายที่มีหัวใจเป็นหญิง แต่สามารถแปลงโฉมเป็นหญิงสาวสวยสมใจด้วยฝีมือแพทย์ สะท้อนวงการแพทย์เจริญก้าวหน้าไปมากจนถึงขั้นสามารถทำให้การแปลงเพศมีความสมบูรณ์ขึ้น โดยเฉพาะการแปลงจากชายเป็นหญิง ที่มีรูปลักษณ์และความรู้สึกที่สมจริง สามารถมีคู่ครองใช้ชีวิตฉันท์สามีภรรยาเหมือนผู้หญิงปกติทั่วไปได้
นก – ยลดา ภาพจาก- news.tlcthai.com
อย่างไรก็ตามคนกลุ่มเพศที่ 3 ที่ใฝ่ฝันจะแปลงเพศจำเป็นต้องศึกษา หาความรู้อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ เพราะอวัยวะชายที่หากสูญเสียไปแล้วย่อมไม่สามารถกลับคืนมาได้อีก
นพ.กรีชาติ พรสินสิริรักษ์ หัวหน้าศูนย์ศัลยกรรมตกแต่ง โรงพยาบาลยันฮี ได้ให้ความรู้ถึงภาพรวมสถานการณ์การแปลงเพศของประเทศไทยในปัจจุบันว่า มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับการยอมรับจากทั้งชาวไทยและต่างชาติว่า แพทย์ไทยเป็นผู้ที่มีฝีมือประณีต มีความเชี่ยวชาญจนเป็นที่ยอมรับ
สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผ่าตัดแปลงเพศ คือ บทความจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ได้กล่าวไว้ว่า สาเหตุที่มีจำนวนคนข้ามเพศมากขึ้น เนื่องจากสื่อสังคมออนไลน์ที่ทำให้มีการรับรู้เรื่องราวเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น ยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงทัศนคติ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ ได้รับการยอมรับและมีการเปิดเผยตัวตนมากขึ้น
นอกจากนั้น ยังระบุว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการแปลงเพศมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่ง เพราะฝีมือแพทย์ที่มีทั้งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการผ่าตัด ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงามมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในแต่ละปี สามารถดึงดูดลูกค้าชาวต่างชาติเข้าประเทศได้กว่า 2 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศประมาณ 140,000 ล้านบาท
ส่วนชาวต่างชาติที่เข้ามารับการผ่าตัดในไทยส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย เป็นเพราะแพทย์ไทยผ่าตัดได้ผลดีออกมาสร้างความพึงพอใจ ให้กับผู้ข้ารับการผ่าตัดได้เต็มที่และปลอดภัย
แอม-ไอศวรรยา พรีเซนเตอร์ยันฮี
อย่างไรก็ดีนพ.กรีชาติ แนะว่า ก่อนตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ จำเป็นต้องเลือกโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ที่ชำนาญการ มีกระบวนการผ่าตัดที่สะอาดปลอดภัยได้มาตรฐาน
สำหรับ “โรงพยาบาลยันฮี” เป็นโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่มีประสบการณ์การผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงและผ่าตัดรักษาด้านความสวยความงามอย่างครบวงจรมาเป็นระยะเวลากว่า 30 ปี มีผู้มาใช้บริการเป็นชาวต่างชาติมากถึง 70% เป็นชาวไทย 30% โดยมีความพร้อมด้านทีมแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะทางจำนวนทั้งสิ้น 16 ท่าน นับว่าเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีจำนวนแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งมากที่สุดในประเทศ และทุกท่านล้วนเป็นสมาชิกสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย
นอกจากนั้น ยังมีความพร้อมในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัย ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า ยันฮีเป็นโรงพยาบาลระดับมาตรฐานสากล
ที่สำคัญยังได้รับการรับรองจาก JCI(The Joint Commission International) ซึ่งเป็นองค์กรที่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยในการดูแลรักษาพยาบาลให้กับสถานพยาบาลต่างๆ ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
นพ.กรีชาติ เปิดเผยว่า ในปี 2559 นี้ ยันฮีจะเป็นโรงพยาบาลที่มีจำนวนผู้แปลงเพศมากที่สุด ติดอันดับ 1 ใน 3 ของเอเชีย โดยมีจำนวนยอดผู้แปลงเพศรวมทั้งสิ้น 1,500 รายตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ทำการผ่าตัดแปลงเพศ และคาดว่า ภายในสิ้นปี2559 จะมีผู้มารับการแปลงเพศเพิ่มอีกราว 10 % โดยในโซนเอเชียนั้น ไทยถือเป็นเบอร์ 1 รองลงมาได้แก่ สิงคโปร์และไต้หวัน
สำหรับสัดส่วนการแปลงเพศชายเป็นหญิงมีมากกว่า หญิงเป็นชาย ที่ 8 : 2 เนื่องจากการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิงง่ายกว่าหญิงเป็นชายและมีราคาถูกกว่า โดยมีค่าใช้จ่ายที่ 100,000 บาทสำหรับการผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง แต่เพิ่มเป็น 3 เท่าหากเป็นการผ่าตัดแปลงเพศจากหญิงเป็นชายที่มีความยุ่งยากซับซ้อนกว่าและต้องใช้เวลาในการผ่าตัดมากกว่าหรือต้องผ่าตัดอย่างน้อย 3 ครั้ง ขณะที่ในยุโรปมีค่าใช้จ่ายประมาณ 6,000,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับการผ่าตัดแปลงเพศซึ่งส่วนใหญ่เป็นการแปลงเพศจากชายเป็นหญิงนั้น เพราะทางโรงพยาบาลยันฮีมีเกณฑ์การพิจารณาเข้มงวด ต้องมีการตรวจสอบความพร้อมทั้งกายและใจเสียก่อน
ทั้งนี้บุคคลที่มีคุณสมบัติและสภาวะจิตใจที่พร้อมต่อการเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ จะต้องได้รับการตรวจและทดสอบจากจิตแพทย์อย่างน้อย 2 คน ว่ามีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
1. ได้ดำรงชีวิตแบบหญิงติดต่อกันกว่า 1 ปี ขึ้นไป
2. เคยใช้ชีวิตเป็นหญิงอย่างสมบูรณ์ที่คนรอบข้างยอมรับได้ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยไม่มีความกดดันใด ๆ
3. มีความรู้สึกเป็นหญิงมานานแล้ว หรืออาจจะเริ่มตั้งแต่จำความได้
4. มีความรู้สึกรังเกียจอวัยวะเพศชายของตัวเอง และคิดว่ามันเป็นของส่วนเกิน
5. มีความรู้สึกไม่ชอบพฤติกรรมของพวกรักร่วมเพศ
6. เคยรับประทานฮอร์โมนเพศหญิงมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นในรูปของยารับประทาน หรือยาฉีด เพราะโดยทั่วไปแล้ว ถ้าไม่ได้ตั้งใจจริงที่ต้องการจะเป็นหญิง คงไม่มีผู้ชายคนใดที่นำยาฮอร์โมนเพศหญิงมารับประทาน
7. ได้ผ่านการประเมินสภาพจิตใจว่าอยู่ในภาวะที่ปกติและพร้อมต่อการผ่าตัดโดยจิตแพทย์ และให้ใบรับรอง สำหรับการผ่าตัดอย่างถูกต้องตามหลักการทดสอบสภาพจิต
นอกเหนือจากนั้นยังต้องเป็นผู้มีอายุ 20 ปีขึ้นไปและต้องได้รับการยินยอมจากบิดามารดาด้วย
สำหรับการผ่าตัดนั้น นพ.กรีชาติ เปิดเผยว่า มีการพัฒนาไปมาก มีการผ่าตัดให้มีความสมบูรณ์เพิ่มขึ้นทั้งในแง่ของรูปลักษณ์ที่เหมือนอวัยวะเพศของผู้หญิงจริง ๆ มีการใช้เนื้อที่ถุงอัณฑะมาตกแต่งและใช้ลำไส้ใหญ่ส่วนเกินมาทำช่องคลอดและทำให้มีความรู้สึก โดยใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1 วันต่อ 1 ราย หรือ 2-5 รายต่อสัปดาห์ รวมจำนวนมากกว่า 100 รายต่อปี
หลังจากผ่าตัดแปลงเพศแล้ว จากนั้นจะมีการทำหน้าอก ตัดกระเดือกและตกแต่งใบหน้าเพื่อให้เป็นหญิงที่สมบูรณ์ขึ้นและสามารถไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
นพ.กรีชาติ ยังเปิดเผยด้วยว่า ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้จากการผ่าตัดแปลงเพศมีเช่นกัน ซึ่งสามารถแก้ไขได้ยาก เช่น หากแพทย์ที่ผ่าตัดไม่ชำนาญการอาจทำให้เกิดปัญหาท่อปัสสาวะทะลุ ลำไส้ทะลุ ไม่สวยงาม ไม่มีความรู้สึกหรือไม่มีช่องคลอด เนื่องจากไม่ได้รับการดูแลภายหลังการผ่าตัดในระยะ 1 เดือนจะทำให้ช่องคลอดตีบตันได้
ปัญหาสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การตัดอัณฑะก่อนเพื่อลดการสร้างฮอร์โมนเพศชาย เพื่อทำให้แต่งตัวเป็นหญิงได้ง่ายและมีค่าใช้จ่ายถูกกว่านั้น คุณหมอเตือนว่า ห้ามผ่าตัดอัณฑะออกก่อน หากคิดจะแปลงเพศในอนาคต เพราะแพทย์อาจไม่มีเนื้อสำหรับตกแต่งและต้องนำเนื้อจากส่วนอื่นมาใช้แทน และไม่สมควรในรายที่ยังไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจในความต้องการของตัวเอง หากตัดไปแล้วจะทำให้เป็นหมันอย่างถาวร
โดยภาพรวมแล้วกล่าวได้ว่า “การแปลงเพศ” เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต เพราะเมื่อตัดสินใจทำไปแล้ว จะไม่สามารถหวนกลับมาเป็นเพศเดิมได้อีก
ทุกคนจึงจำเป็นต้องศึกษาหาข้อมูลและเลือกปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ รวมถึงเลือกทำในโรงพยาบาลที่มีมาตรฐาน เพื่อให้ได้ความสมบูรณ์ตามเพศที่ต้องการและสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข