สมคิดเปิดSmart SME Expo16
มอบทุกกระทรวงดันSME4.0
รองนายกฯเป็นประธานเปิดงาน “Smart SME Expo 2016” จัดโดยบริษัท พีเพิลมีเดีย กรุ๊ป จำกัด โดยมีกว่า 30 แห่งสนับสนุน รวมความรู้และโอกาสสู่ความสำเร็จของ SMEs และStart-up อย่างครบวงจร งานจัดระหว่าง30มิ.ย.- 3 ก.ค. 2559 ณ ชาเลนเจอร์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ชูสร้างผู้ประกอบการรายย่อยเป็นฐานสร้างชาติ มอบทุกกระทรวงโดยเฉพาะก.อุตฯและก.ไอซีทีทำหน้าที่หลักหนุนSMEs ไทยสู่ SME 4.0 แข่งในตลาดโลกได้ ระบุสมาคมธนาคารไทยเล็งตั้งกองทุน 1 หมื่นล้านหนุน SMEs ขณะที่นายกฯห่วงสั่งตั้งกองทุนฟื้นSMEs เป็น NPL
ศาสตราภิชาน รองศาสตราจารย์ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เอสเอ็มอีที่ต้องการก้าวเข้าสู่เวทีการค้าในโลกใหม่ยุคดิจิตัล จะก้าวต่อไปได้โดยต้องแปลงสภาพตนเองให้กลายเป็น เอสเอ็มอี 4.0 ซึ่งหมายถึง เอสเอ็มอีดิจิตัล (SME digital) โดยทำงานทุกอย่างเริ่มตั้งแต่กระบวนการคิด วางแผน และกระทำต้องอยู่บนพื้นฐานของดิจิตัล ที่สำคัญคือ ต้องเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนตัวเองให้สามารถแข่งขันได้ โดยทำให้ Digitize และเชื่อมโยงกับโลก เพื่อใช้โอกาสในการสื่อสารไปถึงในทุกมุมโลก
พร้อมกันนี้รองนายกรัฐมนตรีได้ยกตัวอย่าง “จีน” ที่เพิ่งเดินทางเยือนเมื่อเร็ว ๆนี้ว่า จีนไปไกลมากแล้ว แม้เกิดเหตุการณ์อังกฤษลงประชามติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป(อียู) แต่จีนยังเชื่อมั่นว่า จะสามารถสร้างประเทศต่อไปได้และเป็นที่พึ่งพาของประเทศอื่นได้ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะจีนไม่ได้อาศัยการพัฒนาเศศรษฐกิจแบบเดิม แต่มีการปฏิรูปเศรษฐกิจ มีบริษัทขนาดเล็กและใหญ่ที่มีพลัง มี DNA ของเทคโนโลยีอยู่ในตัว โดยบริษัทขนาดกลางและเล็กมีพลังสูงมากพร้อมเติบโตแบบก้าวกระโดด รัฐบาลจีนเน้นสร้างผู้ประกอบการใหม่ ๆ ที่มีความคิดใหม่ ๆ สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อก้าวเป็น SMEs และกลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในอนาคตสู่ตลาดโลก
หน่วยงานสนับสนุน SMEs จำนวนมากเข้าร่วมงาน
“ที่ปักกิ่งมี Start-up จำนวนมากและอยู่บนพื้นฐานของเศรษฐกิจสร้างสรรค์และความหลากหลาย ไม่ใช่แค่ความไฮเทคเท่านั้น โดยได้ดึงเอกชน ภาครัฐและผู้ประกอบการมาร่วมมือกันได้ มีผู้ประกอบการมีอายุ 30ปีขึ้นไป มีความสามารถเป็น SMEs ขนาดเล็กได้เป็นจำนวนมาก สร้างคนรุ่นใหม่ โดยบ่มเพาะให้สามารถยืนบนขาของตัวเองได้ ไปที่ไหนก็เจอแบบนี้ เขาสร้างโมเดลเป็น Mass หรือเน้นจำนวนมากๆ สร้างผู้ประกอบการให้ค้าขายอีคอมเมอร์ซได้ โดยนำผู้เชี่ยวชาญจากอาลีบาบามาช่วยอบรมให้ทำการค้าออนไลน์เป็น รวมทั้งด้านโลจิสติกส์ พร้อมเทคโนโลยี จีนไม่ใช่ค้าขายด้วยสกุลเงินหยวนราคาถูกเท่านั้น ไทยจึงต้องมองจีน เพื่อเป็นบทเรียนว่า จะสร้างแบบเขาได้อย่างไร”
รองนายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่า จีนกำหนดยุทธศาสตร์ประเทศไว้เป็น แผนระยะสั้นของจีนอยู่ที่ปี 2020 แผนระยะกลางอยู่ที่ปี 2030 แผนระยะยาวอยู่ที่ 2040 สำหรับไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความจริงจังและเห็นความสำคัญของ SMEs และได้วางรากฐานยุทธศาสตร์ประเทศระยะ 20 ปีไว้ และมุ่งใช้เวลาที่มีอยู่อีก 1 ปีวางรากฐานเพื่อสร้าง Start-up ให้ได้และสร้างระบบเศรษฐกิจบนฐานผู้ประกอบการ ซึ่งจะต้องสร้าง “โครงสร้างพื้นฐานแห่งโอกาส” ให้ได้ เงินทุนต้องมี กองทุนStart-up จะต้องเกิดเพื่อร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการ โดยร่วมพลังกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศ เอกชนและภาครัฐ นำคนรุ่นใหม่เอาความคิดมาบ่มเพาะให้ความรู้ และหาทุนให้ เหมือนที่จีนและเกาหลีใต้ทำ”
ในโอกาสนี้รองนายกรัฐมตรีแย้มว่า “ขณะนี้เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กำลังเร่งเจรจากับธนาคารพาณิชย์ เพื่อจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจ SMEs จำนวน 10,000 ล้านบาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่นายกฯเป็นห่วง SMEs ที่เป็น NPL หรือมีสถานะเป็นหนี้สูญและติดเครดิตบูโรด้วย และนายกฯสั่งการแล้วว่า ให้ตั้งกองทุนฟื้นฟู SMEs เพื่อช่วยเหลือ SMEs ที่เป็น NPL ให้ช่วยเติมทุนให้พวกเขาแข็งแรง สามารถเดินต่อไปได้ ต้องการให้พัฒนาเป็น SME 4.0 ซึ่งจีนไปไกลเป็น 5.0 แล้ว โดยกระทรวงต่าง ๆ โดยเฉพาะกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงไอซีที จะต้องทำหน้าที่หลัก ผลักดัน SMEs ให้เป็น SME 4.0 ให้ได้
อยากให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมางานนี้เพราะครบวงจรที่สุด มาเอาความรู้และโอกาสเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย เพราะทุกคนมองประเทศไทยเป็นเกตเวย์ ไม่ใช่เฉพาะของอาเซียนเท่านั้น แต่เป็นเกตเวย์ของเอเชียและเอเชียใต้”
ด้าน นางสาวณรินณ์ทิพ วิริยะบัณฑิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเพิลมีเดีย กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “หัวใจสำคัญของ SMEs ในยุค 4.0 อยู่ที่เรื่องของ Connectivity ซึ่งงาน Smart SME Expo 2016 ได้เชื่อมโยง (Connect) ทุกองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับ SMEs โดยมีหน่วยงานสนับสนุน SMEs รวม 30 กว่าหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ สถาบันการเงิน มหาวิทยาลัยที่จะมาให้ความช่วยเหลือและบริการให้คำปรึกษาแก่ SMEs ไทยในทุกระดับและทุกมิติ มี SMEs ต้นแบบที่นำผลิตภัณฑ์และบริการที่น่าสนใจอีกกว่า 500 บูธ และยังได้ connect กับผู้ซื้อจากประเทศในกลุ่ม AEC มาทำ Business Matching กับธุรกิจไทย และตลอดทั้งสี่วันจะมีอบรมความรู้ฟรีหลายสิบหัวข้อ ถือเป็นความตั้งใจที่จะให้งานนี้เป็นทางด่วนสู่ความสำเร็จ เป็น One Stop to Upgrade SMEs สอดคล้องกับนโยบายหลักของ PMG ของเราในการเป็น Total SMEs Solution อย่างแท้จริง ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน – 3 กรกฎาคม 2559 ณ ชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี”
นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า “สสว.มีโครงการพัฒนาและส่งเสริม SME ในทุก Business Life Cycle ตั้งแต่ กลุ่ม Start Up กลุ่ม Regular/Strong กลุ่มTurn Around และการสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน ทั้งนี้ยังได้นำที่ปรึกษาจากศูนย์ให้บริการ SME ครบวงจร (SME One Stop Service Center) มาภายในงาน
ในงาน Smart SME Expo 2016 ครั้งนี้ สสว. ยังมีพิธีลงนามความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรในการสนับสนุนและส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพ SMEs ซึ่งมีเครือข่าย 52 หน่วยงาน ทั้งในด้านการเงิน การค้า การตลาด การตลาดออนไลน์ เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการที่มาขึ้นทะเบียนกับ สสว. อาทิ คูปองฟรี 5,000 บาท จำนวน 2,000 ใบ สำหรับบริการทดสอบในห้องปฏิบัติการ เพื่อการขอรับการรับรองจากสำนักงานมาตรฐานอาหารและยา (อย.) ซึ่งสอดคล้องกับการ Upgrade SMEs ไทยสู่มาตรฐานสากล”