วว.53ปีชู Food for the Future
ขับเคลื่อน “Food Innopolis”
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ฉลอง 53 ปี ชูผลงาน “Food for the Future” สนองนโยบายขับเคลื่อน Food Innopolis ในรูปแบบการสัมมนาและนิทรรศการนานาชาติระหว่างวันที่ 28-29 ก.ค. 2559 ณ ห้องวิภาวดีบอลรูม A,B,C โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลลาดพร้าว พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่บรรเทาอาการปวดไมเกรนจากสมุนไพรสกุลเบญจมาศและเวชสำอางจากสารสกัดมะขามป้อม และโชว์งานวิจัยขายได้เชิงพาณิชย์ “เวชสำอางนาโนจากสารสกัดเมล็ดองุ่น”
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า โครงการนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) เป็นหนึ่งในซุปเปอร์คลัสเตอร์ที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ โดยมอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯเร่งดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรม เป้าหมายสำคัญของโครงการนี้ คือ การสร้างนวัตกรรมอาหารที่สอดคล้องกับแนวโน้มและทิศทางของอุตสาหกรรมอาหารโลก ซึ่งครอบคลุมถึงอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารฟังก์ชั่น เช่น อาหารฟังก์ชั่นและโภชนเภสัชภัณฑ์ สารปรุงแต่งอาหารและสารสกัดทางโภชนาการ ผลิตภัณฑ์ไขมันและน้ำมันเพื่อสุขภาพ ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีอาหารพิเศษเฉพาะกลุ่ม เช่น อาหารฮาลาล อาหารโคเชอร์ อาหารสำหรับผู้ป่วย/ผู้สูงอายุ ฯลฯ ผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าสูง เช่น อาหารทะเล และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคุณภาพสูงเพื่อเป็นวัตถุดิบอาหาร ฯลฯ ผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้คุณภาพสูง เช่น ผักและผลไม้ออร์กานิก ฯลฯ รวมถึงกิจการที่สนับสนุนนวัตกรรมอาหารอย่างครบวงจร เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหาร เทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ การออกแบบและการพิมพ์ บริการที่ปรึกษานวัตกรรม ฯลฯ
“…ที่ผ่านมา กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้ลงนามร่วมกับบริษัทเอกชนชั้นนำของเมืองไทยจำนวน 13 บริษัท หน่วยงานภาครัฐ 9 แห่ง มหาวิทยาลัย 12 แห่ง และอีก 1 สมาคม เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเมืองนวัตกรรมอาหารให้เป็นรูปธรรม โดยหวังว่าเมืองนวัตกรรมอาหาร จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอาหารและช่วยให้เกิดการเพิ่มมูลค่าของผลิตผลทางการเกษตร การพัฒนาพืชและสัตว์สำหรับเป็นวัตถุดิบสำหรับการแปรรูปอาหารชนิด และยังช่วยแก้ปัญหาผลผลิตที่ล้นตลาดและราคาตกต่ำ ด้วยการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยเพิ่มมูลค่า…” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กล่าว
ด้านดร.ลักษมี ปลั่งแสงมาศ ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า เพื่อสนองนโยบายขับเคลื่อน Food Innopolis เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบการก่อตั้ง 53 ปีของ วว. ในปี 2559 นี้จึงได้กำหนดจัดงานสัมมนาและนิทรรศการนานาชาติภายใต้แนวคิด “Food for the Future” ขึ้น ระหว่างวันที่ 28-29 ก.ค. 2559 ณ ห้องวิภาวดีบอลรูม A,B,C โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลลาดพร้าว
ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรม ดังนี้ 1.งานสัมมนานานาชาติด้านนวัตกรรมอาหาร 2.งานสัมมนาผู้ประกอบการด้านผลิตภัณฑ์อาหาร/นำเสนอผลงานวิจัยด้าน อาหารเพื่อสุขภาพ 3.พิธีลงนามความร่วมมือสานพลังประชารัฐส่งเสริม OTOP/SMEs ด้วย วทน. 4.นิทรรศการผลงานวิจัยพัฒนา/ถ่ายทอดเทคโนโลยี/บริการอุตสาหกรรม เฉลิมฉลองครบรอบสถาปนา 53 ปี วว. (food for the Future/food Innovation/Technology Transfer/Business Matching) นอกจากการจัดกิจกรรมดังกล่าวแล้ว วว. มีความภาคภูมิใจในการเปิดตัวผลงานใหม่ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ดังนี้
ผลิตภัณฑ์บรรเทาอาการปวดไมเกรนจากสมุนไพรสกุลเบญจมาศ “4GRAINE” วิจัยและพัฒนาจากสารสกัดดอกเก๊กฮวย มีประสิทธิภาพบรรเทาอาการปวดศีรษะจากไมเกรน อยู่ในรูปผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบผงชงละลายน้ำ มีกลิ่นหอม สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้โดยไม่มีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์เหมือนกับยารักษาไมเกรนในกลุ่มอื่นๆ ผ่านการศึกษากลไกการออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา สามารถกระตุ้น serotonin receptor ได้เช่นเดียวกันกับยาในกลุ่ม serotonin receptor agonist ผลิตภัณฑ์ผ่านการประเมินความปลอดภัยในสัตว์ทดลอง ทั้งการทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลันและกึ่งเรื้อรังแล้ว เมื่อศึกษาประสิทธิผลในอาสาสมัครพบว่า “4GRAINE” สามารถยับยั้งอาการปวดศีรษะไมเกรนได้โดยไม่พบผลข้างเคียงใดๆจากการใช้ผลิตภัณฑ์
ผลิตภัณฑ์เวชสำอางจากมะขามป้อม Emsoftra® เป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอางในโครงการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์เวชสำอางจากมะขามป้อมซึ่งมี 3 กลุ่ม คือ ผลิตภัณฑ์สำหรับผิว ผลิตภัณฑ์สำหรับผม และผลิตภัณฑ์สำหรับช่องปาก จุดเด่นของผลิตภัณฑ์โดยรวม คือ มีส่วนผสมของสารสกัดผลมะขามป้อมและสารสกัดผลมะแขว่นในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มฤทธิ์ชีวภาพของสมุนไพรให้แก่ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน ฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ และฤทธิ์ต้านอักเสบ ทำให้มีคุณสมบัติโดดเด่นและแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ท้องตลาด สนองความต้องการของผู้บริโภคในด้านที่เกี่ยวกับการบำรุงผิว บำรุงผม ต้านจุลินทรีย์และต้านอักเสบ นอกจากนี้ฤทธิ์ต้านอักเสบที่ดีของสารสกัดสมุนไพรยังช่วยให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย
ผลิตภัณฑ์เวชสำอางนาโนจากสารสกัดเมล็ดองุ่นสู่เชิงพาณิชย์ ผลงานวิจัยและพัฒนาของ วว. จากการดำเนินโครงการ “วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสารชีวภาพจากกากเมล็ดองุ่นไทย” ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพต้านความแก่ (nano anti-aging cream) ฟื้นฟูผิวหน้า ประกอบด้วย 2 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ครีมสำหรับปกป้องผิวหน้าในเวลากลางวัน และครีมสำหรับฟื้นฟูผิวหน้าในเวลากลางคืน ผลิตภัณฑ์ผ่านการประเมินความปลอดภัยแล้ว
ขณะนี้ วว. ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสู่เชิงพาณิชย์ให้แก่ บริษัทคอสซูติอินโนเวชั่นแลบบอราทอรี่ จำกัด แล้วนับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของ วว. ในการผลักดันผลงานวิจัยจากห้องปฏิบัติการ สู่การวางจำหน่ายทางการค้าทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศต่อไป