อาเล็ก-พรีมเปิดโลกนวัตกรรม
“มหกรรมวิทยาศาสตร์ 2559”
“มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแ ห่งชาติ ประจำปี 2559” ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯผนึก 9 กระทรวง 18 สถาบันการศึกษา หน่วยงานองค์กรภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศกว่า 100 องค์กรจัดขึ้น ได้ประเดิมเปิดให้น้อง ๆ เยาวชนเข้าไปเปิดโลกวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม เพื่อเก็บเกี่ยวความรู้นอกห้องเรียนกันแล้ว พร้อมพบกับ 2 พรีเซ็นเตอร์คู่ขวัญของงาน ได้แก่ “อาเล็ก” ธีรเดช เมธาวรายุทธ และ “พรีม” รณิดา เตชสิทธิ์ ร่วมเปิดโลกนวัตกรรมก่อนเปิดอย่างเป็นทางการวันที่ 19 สิงหาคม นี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดมีผู้เข้าชมงาน 1.2 ล้านคน
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า งาน “มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2559” เป็นกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีของประเทศและภูมิภาคเอเชีย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-28 สิงหาคม 2559 ณ อาคารเอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 2-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด “จุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์ เสริมสร้างชาติด้วยเทคโนโลยี สู่วิถีแห่งนวัตกรรม” เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่4 “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” และ “พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย”
นอกจากนี้ยังเพื่อร่วมฉลองวาระสำคัญทางวิทยาศาสตร์ในโอกาสที่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO ได้ตั้งให้ปี 2559 เป็น “ปีสากลแห่งถั่วพัลส์” หรือ “2016 International year of PULSES” โดยปีนี้เน้นการจัดแสดงผลงานความก้าวหน้าและศักยภาพทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำสมัย พร้อมด้วยศักยภาพของนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ของไทยและต่างประเทศ
ดร.พิเชฐกล่าวว่า เชื่อว่า การจัดงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เยาวชนได้รับความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมจะช่วยยกระดับศักยภาพของคนไทยนำพา ประเทศไทยก้าวพ้นกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลางพัฒนาสู่รายได้สูงได้ ซึ่งในเวลานี้ไทยได้รับการจัดอันดับเป็นประเทศที่มีพัฒนาการด้านนวัตกรรมดีขึ้นมา 3 อันดับของมหาวิทยาลัยคอร์เนลในสหรัฐและคาดว่าจะดีขึ้นในโอกาสต่อไป
ทั้งนี้การได้รับอันดับที่ดีขึ้นเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลขับเคลื่อนมาตลอดนับจากการสนับสนุนภาคเอกชนสร้างนวัตกรรม การให้แรงจูงใจด้านมาตรการภาษี ด้านกำลังคนและโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ,การผลักดันให้มีการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาสูงขึ้น ,
การประสานความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนเพื่ทำให้เกิดผู้ประกอบการสตาร์ทอัพทำให้มีสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้น ซึ่งได้จัดงานเผยแพร่ไปยังส่วนภูมิภาคด้วย เช่น ที่เชียงใหม่ ขอนแก่นและภูเก็ต โดยในปี 2560 ราววันที่ 1 ตุลาคม จะมีการขยายผลในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อให้นิสิต นักศึกษาเชื่่อมกับระบบธุรกิจ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงาน หลายกระทรวง
“การจัดงานแบบนี้จะทำให้ระบบนวัตกรรมไทยดีขึ้นต่อไป ในปี 60 จะมีความชัดเจนขึ้นมากเรื่องการสนับสนุนนวัตกรรม สู่ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งเป็นการนำนวัตกรรมมาใช้ ลดความเหลื่อมล้ำและมีการพัฒนาที่สมบูรณ์ ซึ่งนวัตกรรมดี จะช่วยให้ไทยหลุดจากประเทศรายได้ปานกลางสู่รายได้สูงได้”
ด้าน รศ.ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวเสริมว่า ความยิ่งใหญ่ของงานในปีนี้มีหลากหลายโซน มากมายกิจกรรมและองค์ความรู้ให้ทุกคนได้เข้าไปมีส่วนร่วม ตั้งแต่นิทรรศการเทิดพระเกียรติ นิทรรศการและกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นิทรรศการเมืองแห่งถั่ว เพื่อฉลองปีสากลแห่งถั่วพัลส์ (UNESCO International Year of Pulses) แนวคิดตามนโยบาย Food Innopolis การประกวดและแข่งขันทางวิทยาศาสตร์ การประชุมสัมมนา และการแสดงสินค้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมการนำเอาเทคโนโลยีและมัลติมีเดียใหม่ๆ มาใช้ในการจัดแสดง เพื่อสร้างประสบการณ์ เปิดมุมมองการเรียนรู้ผ่านสื่อ Interactive กับ นิทรรศการรูปแบบ 4D Simulator ช่วยสร้างความสุข สนุกสนาน และเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วน 2 พรีเซ็นเตอร์ของงาน “อาเล็ก” ธีรเดช และ “พรีม” รณิดา กล่าวว่า “ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกของพวกตนที่ได้รับเกียรติให้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการจัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ฯ ซึ่งมีความตื่นเต้นยินดีอย่างมาก และยอมรับว่าไม่เคยชมงานวิทยาศาสตร์ที่มีหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศพร้อมใจกันจัดงานวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระดับประเทศและระดับทวีปเอเชียเช่นนี้มาก่อน ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจและอยากขอบคุณแทนเยาวชนและประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เพื่อเยาวชนและคนไทยทุกคนได้เปิดโลกทัศน์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้อย่างเพลิดเพลินสนุกสนาน และช่วยให้การเรียนรู้วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องไม่น่าเบื่อ อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจในการเรียนรู้อย่างไม่สิ้นสุดต่อไป”
สำหรับรูปแบบของการจัดกิจกรรมในงานคล้ายกับเทศกาลวิทยาศาสตร์ (Science Festival) ในหลายประเทศ คือ ประกอบด้วยการจัดนิทรรศการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในรูปแบบนำสมัยที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมมีส่วนร่วม (Interactive Exhibition) โดยเน้นหัวข้อที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ หรือ New S-curve มุ่งสู่ Thailand 4.0 อาทิ นิทรรศการยานยนต์แห่งอนาคตและการขนส่ง นิทรรศการนวัตกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ นิทรรศการเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการแพทย์และสุขภาพ เป็นต้น
รวมทั้งได้มีการนำแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องสะเต็มศึกษา (STEM Education) มาใช้ในการจัดกิจกรรมในรูปแบบ เล่น-เรียน-รู้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ภายใต้กรอบแนวคิด “จุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์ เสริมสร้างชาติด้วยเทคโนโลยี สู่วิถีแห่งนวัตกรรม” ซึ่ง ดร.พิเชฐกล่าวด้วยว่า ในปี 2560 จะเริ่มงานสะเต็มเพิ่มขึ้น ผลัก “วิศวะระดับประถม” โดยร่วมมือกับสหรัฐฯ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารพิพิธภัณฑ์
ความสำคัญในปีนี้ยังอยู่ที่มี 9 กระทรวง 18 สถาบันการศึกษา รวมมากกว่า 100 หน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน และมากกว่า 10 หน่วยงานจาก 8 ประเทศเข้าร่วมจัดกิจกรรมแสดงความก้าวหน้าและเทคโนโลยีด้วย ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เยอรมัน เกาหลีใต้ แคนาดา ออสเตรเลีย และจีน เพื่อกระตุ้นความสนใจแก่นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และประชาชนทั่วไป
สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของงานมีหลายอย่าง อาทิ นิทรรศการนวัตกรรมเปลี่ยนโลกอย่าง 3D Printer หรือ เทคโนโลยีการพิมพ์แบบสามมิติ ที่เปลี่ยนโลกของเราไปโดยสิ้นเชิง แถมยังประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายไปได้อีกมาก เพียงแค่สั่งงานผ่าน Computer เราจะได้สิ่งของที่ต้องการด้วยเวลาอันสั้นและยังสามารถนำไปต่อยอดเพื่อการค้าและธุรกิจได้อีกด้วย ซึ่งมันน่าตื่นเต้นมากเพราะเมื่อก่อนของสิ่งนี้เป็นเพียงจินตนาการที่อยู่ในหนัง Sci–Fi และการ์ตูนโดราเอมอนเท่านั้น จนมีกลุ่มนักประดิษฐ์นำมาต่อยอดแล้วเป็นเครื่องพิมพ์สามมิติที่ใช้ได้จริง และยังถือว่าเป็นเทคโนโลยีการผลิตสื่อดิจิตอลรูปแบบใหม่อีกด้วย และกำลังแพร่หลายไปยังวงการอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมอวกาศและการบิน เป็นต้น
Stereoscopic 3D ที่วงการภาพยนตร์นำมาใช้เรียกกันทั่วไปว่า หนัง 3 มิติ ที่ทำให้เรารู้สึกเสมือนวัตถุในฉากกำลังลอยออกมาใส่เราได้ ซึ่งสามารถชมได้ในนิทรรศการจากนักประดิษฐ์สู่นวัตกรรม หรือ Enjoy Makerspace Pavilion
การได้สัมผัสความสนุกสนานไปกับประสบการณ์ 4D Simulator ในโรงภาพยนตร์ 4D “The Last Day” ที่อยู่ในโซนนิทรรศการวิกฤตภูมิอากาศวิกฤตชีวิต (Climate Change & Biodiversity Pavilion) ที่ทุกคนไม่ควรพลาด ซึ่งมีการจัดแสดงในรูปแบบ 4D Effect สมจริง ได้ตื่นเต้นไปกับเทคนิคต่างๆ กับจำลองสถานการณ์เสมือนจริง ท่ามกลางอุบัติภัยทางธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่จะพาทุกคนย้อนเวลากลับไปตั้งแต่จุดกำเนิดโลก และเรียนรู้เรื่องราวช่วงเวลาสำคัญที่ผ่านมาของโลกจนถึงยุคปัจจุบันที่มนุษย์อาจต้องสูญสิ้นทุกอย่าง
ในโซนเดียวกันนี้ยังมีนวัตกรรมลดโลกร้อน ที่อาจไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน อย่างเช่น Inno-Gen KMITL V1 และ V2 รถไฟฟ้าพลังงานไฮโดรเจน รถไฟฟ้าแบตเตอรี่ โฟมบรรจุภัณฑ์อาหารจากใบไม้สด ที่ใช้ทดแทนกล่องโฟม ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดสารก่อมะเร็ง Solar X นวัตกรรมกระจกประหยัดพลังงาน เฝือกอ่อนย่อยสลายได้ และสีเกล็ดมุก ศิลปะลดโลกร้อน
ภายหลังการตรวจเยี่ยมชมงาน ดร.พิเชฐ กล่าวอย่างมั่นใจว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และทุกหน่วยงานที่ร่วมจัด กิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีนี้ เตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่ด้านสถานที่ ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ระบบการจราจรภายใน การรักษาความปลอดภัย การปฐมพยาบาล การดูแลต้อนรับ ร้านค้า ร้านอาหาร และการจัดลำดับการเข้าชมงาน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ในการดูแลนักเรียน เยาวชน และผู้เข้าเยี่ยมชมงานที่มาเป็นหมู่คณะ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าชมตลอดระยะเวลาของการจัดงานอีกด้วย
“เชิญชวนเยาวชนและประชาชนเข้าชมงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติประจำปี 2559 ตั้งแต่วันที่ 18-28 สิงหาคม 2559 เวลา 09.00-19.00 น. ณ อาคารเอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 2-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ”
สำหรับโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาที่ต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะ ติดต่อได้ที่โทร 02-577-9960 เวลาที่เหมาะสำหรับการเข้าชมสำหรับประชาชนทั่วไป วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.00-20.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-20.00 น.
ติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดงาน ได้ที่ www.thailandnstfair.com หรือ Facebook : มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ LINE ID: thailandnstfair หรือ Instagram : ThailandNSTFair