มธ.ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปใหญ่สุด
ตั้งเป้าผลิต15เมกะวัตต์/วันปี60
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดตัวโครงการติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อปใหญ่อันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยในเอเชีย และอันดับ 4 มหาวิทยาลัยของโลกที่ผลิตไฟฟ้าใช้ภายในมหาวิทยาลัย ตั้งเป้าผลิตให้ได้ 15 เมกะวัตต์ ภายในปี 60 ช่วยลดการใช้ไฟฟ้าปัจจุบันได้ 30-40เปอร์เซ็นต์ พร้อมเตรียมขยายพื้นที่การติดตั้งหลังคาโซลาร์ไปยังศูนย์ต่างๆ ทั้งท่าพระจันทร์ ศูนย์พัทยา และศูนย์ลำปาง ตามลำดับ เพื่อก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งความยั่งยืน(Sustainable University) อย่างแท้จริง
ศาสตราจารย์ ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า สิ่งแวดล้อมและพลังงานเป็ นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกตระหนั กและร่วมกันหาหนทางแก้ไข มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะสถาบันการศึกษาจึงมี นโยบายมุ่งพัฒนามหาวิทยาลัยไปสู่ การเป็นมหาวิทยาลัยยั่งยืน (Sustainable University) โดยมีโครงการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างหลากหลาย อาทิ โครงการไบค์แชร์ริ่งอัตโนมัติ สวนสาธารณะพลังงานแสงอาทิตย์ ร้านกาแฟพลังงานแสงอาทิตย์ ธนาคารขยะ การผลิตไบโอแก๊สจากเศษอาหาร เป็นต้น โดยโครงการที่ใหญ่ที่สุดที่เปิดตัวล่าสุด คือโครงการติดตั้ งโซลาร์รูฟ หรือ “ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคาร” ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยตั้งเป้าติดตั้งให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 15 เมกะวัตต์ภายในปี 2560
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายบริ หารและความยั่งยืน มธ.กล่าวว่า ปัญหาโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีสาเหตุสำคัญที่สุดมาจากการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งได้แก่ ถ่านหิน ก๊าซ และน้ำมัน ที่ปล่อยคาร์บอนออกสู่อากาศ อันเป็นสาเหตุของภาวะเรือนกระจกและนำมาซึ่งปัญหาโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในขณะนี้
ประเทศไทยผลิตไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงฟอสซิลประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ การใช้ไฟฟ้าของเราทุกครั้งจึงเป็นสาเหตุของปัญหาโลกร้อน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงได้ ทำโครงการนี้ขึ้น เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาด ไม่เกิดคาร์บอนที่เป็นสาเหตุ ของสภาวะเรือนกระจก โดยภายในปี 2559 นี้จะติดตั้งโซลาร์รูฟที่ผลิตไฟฟ้าได้ 6 เมกะวัตต์ และภายในปี 2560 ซึ่งจะติดตั้งได้อีก 9 เมะวัตต์ รวมเป็น 15 เมกะวัตต์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ปริญญา กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมหาวิทยาลัยที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มากที่สุด 3 อันดับแรกเป็นมหาวิทยาลัยในสหรั ฐอเมริกาคือ Colby College 30 เมกะวัตต์ Arizona State University 24 เมกะวัตต์ และ University of California 16 เมกะวัตต์ ภายในปี 2560 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะผลิตได้ 15 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นมหาวิทยาลัยอั นดับที่ 4 ของโลก และจะเป็นอันดับ 1 ของเอเชียที่สามารถผลิตไฟฟ้าใช้ มหาวิทยาลัย โดยมากกว่ามหาวิทยาลัย Nanyang Technological University ประเทศสิงคโปร์ ที่เป็นอันดับ 1 ของเอเชียที่สามารถผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้ 5 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ใช้ไฟฟ้าปีละประมาณ 70 ล้านหน่วย เฉลี่ยเท่ากับวันละประมาณ 190,000 หน่วย ดังนั้น โครงการดังกล่าว จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้เฉลี่ยวันละ 75,000 หน่วย ซึ่งถือเป็นการช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและสามารถผลิตไฟฟ้าใช้ เองภายในมหาวิทยาลัยได้ถึง 30-40เปอร์เซ็นต์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ปริญญากล่าว
รองศาสตราจารย์เกศินี วิฑูรชาติ รองอธิการบดีฝ่ายวางแผน และบริหารศูนย์รังสิต มธ. กล่าวว่า นอกจากการติดตั้งโซลาร์รูฟที่ศู นย์รังสิตแล้ว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีแผนงานเตรียมขยายพื้นที่การติดตั้งหลังคาโซลาร์ไปยังศูนย์ต่ างๆ ทั้งหมด ได้แก่ ท่าพระจันทร์ ศูนย์พัทยา และศูนย์ลำปาง ตามลำดับ ด้วยการบูรณาการองค์ความรู้ด้ านพลังงานและความยั่งยืน ผ่านหลักสูตรการเรี ยนการสอนและการวิจัย เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระดั บประเทศต่อไป
“มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มุ่งมั่นสู่การเป็นสถาบันการศึ กษาเพื่อสังคมไทยปลูกฝังจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ต่อบุคลากรและนั กศึกษา ด้วยการยึดมั่นในความเป็นธรรม การมีจิตสาธารณะ และการมีความรับผิดชอบต่อสังคม ควบคู่ไปกับการสร้างบัณฑิตยุ คใหม่ให้มีคุณสมบัติผู้นำแห่ งศตวรรษที่ 21 สอดรับตามแนวคิด“มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์…มหาวิทยาลัยเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ งานสื่อสารองค์กร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หมายเลขโทรศัพท์02-564-4493