กรุงไทยทุ่ม1หมื่นล้านเข็น
4แพ็คเกจสินเชื่อเพื่อSMEs
ธนาคารกรุงไทยเปิดตัวสินเชื่อกรุงไทยใจดีช่วย SMEs วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท สนับสนุนผู้ประกอบการSMEsให้เข้าถึงแหล่งทุนในอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ เริ่มต้นที่ 3.75% ลูกค้าชั้นดีลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25%ต่อปี มี4 แพ็คเกจให้เลือก โดยมีบสย.ร่วมค้ำประกันสินเชื่อเพื่อลดปัญหาเรื่องหลักทรัพย์ค้ำประกัน ยื่นกู้ได้ที่สำนักงานธุรกิจ 79 แห่งและสาขาธนาคารกว่า 1,200 แห่งทั่วประเทศ ถึง 30 ธ.ค.2559 นี้ คาดวงเงิน 10,000 ล้านบาทจะช่วยSMEs ได้ 500 ราย เฉลี่ยรายละ 2 ล้านบาท และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศได้อย่างมาก
นายอุดมศักดิ์ โรจน์วิบูลย์ชัย รองกรรมการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารออกสินเชื่อกรุงไทยใจดีช่วย SME วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องและใช้เป็นเงินลงทุนในกิจการ มีทั้งสิ้น 4 แพ็คเกจ โดยแพ็คเกจที่ 1 สำหรับลูกค้าที่มีหลักประกัน หรือใช้หลักประกันร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรม (บสย.) วงเงินกู้สูงสุด 55 ล้านบาท กรณีกู้แบบมีระยะเวลา ดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก เริ่มต้น 3.75% ต่อปี ผ่อนชำระ 7 ปีกรณีกู้เพื่อหมุนเวียนในกิจการ ดอกเบี้ยต่ำสุด 3.90%
แพ็คเกจที่ 2 สำหรับลูกค้าที่ใช้ บสย.ค้ำประกันเต้มวงเงิน ให้กู้สูงสุดรายละ 40 ล้านบาท กรณีกู้เพื่อหมุนเวียนในกิจการ ดอกเบี้ยเบี้ยเริ่มเต้น 4.75% กรณีกู้แบบมีระยะเวลา ดอกเบี้ย 2 ปีแรกคงที่เริ่มต้นที่ 3.90% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระ 7 ปี หากปฏิบัติตามเงื่อนไขจะได้ลดดอกเบี้ยอีก 0.25% โดยแพ็คเกจที่ 1 ลดตั้งแต่ปีที่ 5 ส่วนแพ็คเกจที่ 2 จะลดตั้งแต่ปีที่ 4
แพ็คเกจที่ 3 สำหรับลูกค้าแฟคตอริ่ง วงเงิน 5,000 ล้านบาท สามารถเลือกใช้วงเงิน O/D ดอกเบี้ยต่ำสุด 4.50% ต่อปี และสินเชื่อแฟคตอริ่ง กู้ได้สูงสุด 90% ของใบแจ้งหนี้ ดอกเบี้ยต่ำสุด 3.90% วงเงินสูงสุดรายละ 50 ล้านบาท
แพ็คเกจที่ 4 เป็นสินเชื่อสำหรับเอสเอ็มอีขนาดเล็ก วงเงินกู้รายละไม่เกิน 20 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่มีหลักประกันหรือใข้หลักประกันร่วมกับ บสย. กรณีกู้แบบมีระยะเวลา ดอกเบี้ย 3 ปีแรก เริ่มต้น 3.75% ต่อปี กรณีกู้เพื่อหมุนเวียนในกิจการ ดอกเบี้ยต่ำสุด 3.90%
ทั้งนี้ลูกค้าแพ็คเกจที่ 1 – 3 ขอสินเชื่อได้ที่สำนักธุรกิจ 79 แห่งทั่วประเทศ ส่วนแพ็คเกจที่ 4 ขอสินเชื่อได้ที่สาขาธนาคารกว่า 1,200 แห่งทั่วประเทศได้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2559 หรือจนกว่าครบวงเงิน
นายอุดมศักดิ์เปิดเผยว่า คาดว่าวงเงิน 1 หมื่นล้านบาทจะหมดภายในสิ้นปีนี้ และมีประโยชน์สำหรับเอสเอ็มอีประมาณ 500 ราย เฉลี่ยที่รายละ 2 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศได้เป็นอย่างมาก