“ดีแทค ไตรเน็ต” ชี้แจงปัญหา
ลูกค้าร้องอยู่ฟิลิปปินส์มีบิล4แสน
ตามที่สำนักงาน กสทช. รายงานว่ามีลูกค้ามาร้องเรียนให้ตรวจสอบกรณีไปทำงานอยู่ที่ประเทศฟิลิปปินส์ อ้างว่าไม่เคยเปิดเบอร์กับ บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด และช่วงเวลาที่มีค่าใช้จ่ายยังอยู่ที่ฟิลิปปินส์ แต่มีการค้างชำระค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บริษัทเป็นจำนวนเงินกว่า 4 แสนบาท โดยร้องเรียนให้ทางสำนักงาน กสทช. ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหมายเลขดังกล่าว ดีแทคฯพบหลักฐานยืนยันว่าลูกค้ามาจดทะเบียนจริง มี 2 เลขหมายและใช้หลักฐานเป็นบัตรประชาชนในการจดทะเบียน
บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ได้ชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้นจากกรณีมีลูกค้าร้องเรียนกสทช. ว่าตนไม่เคยเปิดใช้โทรศัพท์กับทางดีแทคฯ และตนทำงานในฟิลิปปินส์ แต่โดนเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสูงถึง 400,000 บาทนั้น ทางดีแทคฯมีรายละเอียดชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้
1. กรณีที่ลูกค้าอ้างว่าไม่เคยจดทะเบียนเปิดเบอร์กับ บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด นั้น บริษัทฯ พบว่ามีหลักฐานยืนยันว่าลูกค้ามาจดทะเบียนจริง ทั้ง 2 เลขหมาย คือ 094–994–5529 และ 094–994–5592 โดยใช้หลักฐานเป็นบัตรประชาชนในการจดทะเบียน เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ที่สำนักงานดีแทค เดอะมอลล์ บางกะปิ เจ้าหน้าที่ดีแทคได้ทำการจดทะเบียนถูกต้องตามกระบวนการขั้นตอนของบริษัทฯ โดยขอยืนยันว่าผู้มาเปิดใช้บริการได้นำบัตรประชาชนตัวจริงมายื่นแสดงกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอจดทะเบียนเบอร์ดังกล่าว
2. สำหรับค่าใช้จ่ายที่ถูกเรียกเก็บตามที่กล่าวอ้างนั้น จากการตรวจสอบบันทึกการใช้งานทั้ง 2 เลขหมาย ซึ่งลูกค้าเป็นผู้จดทะเบียนเปิดบริการนั้น พบว่าเป็นค่าใช้จ่ายจากการใช้งานบริการข้ามแดนอัตโนมัติ (โรมมิ่ง)ในประเทศฟิลิปปินส์ และการติดต่อกลับมาประเทศไทย โดยมีการเรียกเก็บค่าบริการรายเดือนในการใช้งานที่เกิดขึ้นตามหลักฐานเจ้าของหมายเลขตามปกติ ทั้งนี้ในขณะที่ลูกค้ากำลังมีการใช้งานโรมมิ่งนั้น บริษัทฯ ตรวจพบในชั้นแรกว่ามีค่าบริการที่สูงเกิดขึ้นจากการใช้งานทั้ง2 เลขหมายประมาณ 40,000 บาท บริษัทฯ จึงได้ติดต่อแจ้งเตือนไปยังลูกค้าเพื่อแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับอัตราค่าบริการ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนปกติ หากบริษัทฯ พบว่ามีการใช้งานและมีค่าใช้จ่ายที่สูงต่อเนื่อง แต่ลูกค้ายืนยันที่จะขอใช้บริการโรมมิ่งต่อไป โดยไม่ต้องการให้บริษัทฯ ทำการระงับบริการ โดยลูกค้าแจ้งว่าอยู่ต่างประเทศและรับทราบค่าบริการและค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะจำเป็นต้องใช้งาน
3. ลูกค้าได้มีการใช้งานต่อเนื่องและรับทราบวิธีการเปิด–ปิด ระงับสัญญาณโรมมิ่งที่สามารถทำได้ด้วยตนเองผ่านมือถือที่ใช้งาน โดยลูกค้ามีพฤติกรรมเปิด–ปิดระงับสัญญาณโรมมิ่งด้วยตนเองอีกหลายครั้ง และมีการใช้งานเลขหมายดังกล่าวจนมีค่าบริการเพิ่มถึงประมาณ 4แสนบาท บริษัทฯ จึงทำการระงับบริการ ต่อมาลูกค้าได้ติดต่อมาแจ้งว่าจะขอชำระค่าบริการทั้งหมดในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557
4. อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มีการติดตามทวงถามให้ชำระหนี้ ซึ่งลูกค้าได้ปฏิเสธการชำระหนี้มาโดยตลอด บริษัทฯ จึงดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งต่อศาลจังหวัดมุกดาหาร เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 และศาลได้กำหนดนัดวันสืบพยานในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ.2559 ที่จะถึงนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยินดีและพร้อมที่จะให้ข้อมูลกับทางสำนักงาน กสทช. จากกรณีดังกล่าว ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อความถูกต้อง และหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป