เปิดStartup Thailand ภูมิภาค
ต่อยอดพัฒนาสู่ Thailand 4.0
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน Startup Thailand & Digital Thailand ภูมิภาค 2016 จัดโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ณ ดวงจิตต์ รีสอร์ท แอนด์ สปา หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต พร้อมปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “การส่งเสริมภูเก็ตสู่ศูนย์กลางธุรกิจสตาร์ทอัพและเมืองอัจฉริยะ” ประกาศชาวโลกภูเก็ตเป็นฮับสมาร์ทซิตี้ และสตาร์ทอัพของภูมิภาคอาเซียน ขับเคลื่อนประชารัฐสู่ไทยแลนด์ 4.0
นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรีว่า ในนามของจังหวัดภูเก็ต ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มาเป็นประธานในพิธีเปิดงานในวันนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จังหวัดภูเก็ตได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสองจังหวัด Super Cluster ซึ่งในนามของชาวภูเก็ตขอยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างเต็มกำลังโดยรูปแบบของประชารัฐ เพื่อเป็นกำลังส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ให้ได้ต่อไป
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “การส่งเสริมภูเก็ตสู่ศูนย์กลางธุรกิจสตาร์ทอัพและมืออัจฉริยะ” สรุปสาระสำคัญว่า วันนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการสร้างสะพานเชื่อมโยงบูรณาการทุกภาคส่วนร่วมกันอย่างประชารัฐอย่างจริงจัง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของทุกคนอย่างเท่าเทียมตามกฎหมายสากล ซึ่งที่ผ่านมานั้นได้มีการดำเนินการไปในทิศทางที่ดี เพราะความร่วมมือกันของพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน โดยข้าราชการและรัฐบาลมีหน้าที่ทำให้เกิดความเชื่อมโยงอย่างทั่วถึงในทุกภูมิภาค ทั้ง 76 จังหวัดให้ได้
อย่างไรก็ตาม วันนี้ประเทศไทยมีความพร้อมในด้านต่าง ๆ มากมาย เหลือเพียงแต่การคิดหาวิธีว่าจะขับเคลื่อนไปพร้อมกันได้อย่างไรในทุกระดับชั้น ให้มีการร่วมมือกันโดยให้ยึดคติที่ว่า “จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในทุกระดับ เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีกำลังที่เข้มแข็งสามารถเติบโตได้ ทำร่วมกันอย่างเป็นระบบ นำธุรกิจ SMEs กว่าล้านแห่งเข้ามาอยู่ในทะเบียนทำเนียบ SMEs ประเทศไทยให้ได้ ทำให้ถูกต้องตามหลักกฎหมายสากล หาจุดเชื่อมต่อ สร้างสะพานที่เชื่อมโยงกันอย่างมีคุณธรรม จริยธรรม และมีธรรมาภิบาล ให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นและไว้ใจ
สิ่งสำคัญที่จะต้องเร่งดำเนินการในวันนี้คือ คิดวิธีว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนเกิดความเข้มแข็ง สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง รวมไปถึงสร้างการรับรู้ให้ประชาชนมีความเข้าใจ โดยจะต้องยึดถือวิสัยทัศน์และนโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก อาศัยความร่วมมือกันและกันจากทุกภาคส่วน สนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพให้สามารถเติบโตขึ้นก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยตัวเอง ขณะที่ต้องเดินหน้าปฏิรูปไปพร้อมกัน อุดหนุนเกื้อกูลกัน บริษัทยักษ์ใหญ่จะต้องดูแลบริษัทเล็ก ให้เติบโตไปพร้อมกันได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า งานสตาร์ทอัพไทยแลนด์และดิจิทัลไทยแลนด์ระดับภูมิภาคนี้ ได้จัดขึ้นตามเป้าหมายของรัฐบาลที่จะปลุกกระแสให้เกิดการสร้างผู้ประกอบการสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ขึ้นทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่ไทยแลนด์ 4.0 และทำให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัล ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมไทย ซึ่งวันนี้ต้องยืนยันกับประชาคมโลกว่า ภูเก็ตพร้อมแล้วที่จะก้าวสู่การเป็นเมืองอัจริยะ (Smart City) พร้อมกับเป็นศูนย์กลางที่จะส่งเสริมผู้ประกอบการสตาร์ทอัพรุ่นใหม่และเป็นศูนย์กลางสตาร์ทอัพ (Startup Hub) ของภูมิภาคอาเซียนต่อไป
สำหรับงานระดับภูมิภาค ในจังหวัดเชียงใหม่นั้นได้แสดงให้เห็นศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางของผู้ประกอบการกลุ่มเศรษฐกิจสร้างสรรค์และได้กำหนดจัดงานขึ้นภายใต้แนวคิด “ครีเอทีฟ วัลเลย์ (Creative Valley)” ซึ่งก็ได้การตอบรับจากประชาชนในภาคเหนือเหนือเป็นอย่างดี โดยมีผู้เข้าร่วมชมงานแสดงนิทรรศการ ฟังปาฐกถาพิเศษและเสวนา รวมทั้งสิ้นกว่า 4,500 คน มีนิทรรศการของวิสาหกิจเริ่มต้นเข้าร่วมงาน จำนวน 60 ราย ซึ่งเป็นไปตามความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้เกิดเป็นกลุ่มเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ไม่เพียงเท่านั้น ช่วงปลายสิงหาคมที่ผ่านมา รัฐบาลโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงไอซีที ก็ได้จัดงานสตาร์ทอัพฯ ภูมิภาคขึ้นอีกครั้งในจังหวัดขอนแก่น ภายใต้แนวคิดแม่โขง คอนเน็ก (Mekong Connect) โดยเชื่อว่ากลุ่มจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานของไทยนั้น จะเป็นจุดเชื่อมสำคัญต่อการพัฒนาของประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งภายหลังการจัดงานสตาร์ทอัพที่ขอนแก่นนั้นถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะเราได้รับความร่วมมือจากลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัพจากกลุ่ม CLMVT ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว. พม่า เวียดนามและไทย ซึ่งได้รับการตอบเป็นอย่างดี โดยมีผู้เข้าร่วมชมงานแสดงนิทรรศการ ฟังปาฐกถาพิเศษและเสวนา รวมทั้งสิ้นกว่า 7,300 คน พร้อมมีวิทยากรจากประเทศไทยและต่างประเทศ (สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม) กว่า 60 คน ถือเป้นความสำเร็จก้าวแรกที่เราจะขับเคลื่อนขอนแก่นและจังหวัดในภาคอีสานไปสู่ฐานเศรษฐกิจใหม่ เช่น การพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farmer) การพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) เป็นต้น
และที่สำคัญในวันนี้ เราได้มาจัดงานสตาร์ทอัพไทยแลนด์และดิจิทัลไทยแลนด์ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งทราบกันดีว่าเป็นจังหวัดที่มีตัวเลขการเติบโตของนักท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมา สูงถึง 13.2 ล้านคน โดยกว่า 9.5 ล้านคนเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ และสามารถสร้างรายได้รวมกว่า 313,300 ล้านบาท และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทางยูเนสโกยังยกให้ภูเก็ตเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านวิทยาการอาหาร (City of Gastronomy) ประจำปี 2558 โดยเป็น 1 ใน 18 เมืองทั่วโลกและเป็นเมืองแรกของไทยและอาเซียนอีกด้วย ซึ่งนั่นสะท้อนให้เห็นศักยภาพของจังหวัดภูเก็ตในการเป็นเมืองนานาชาติ (International City) และรัฐบาลเองจึงมีหน้าที่ที่จะผลักดันให้เกิดการสร้างสภาพแวดล้อมและโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเพื่อจะรองรับการพัฒนาภูเก็ตในระยะต่อไป
“ด้วยศักยภาพของจังหวัดภูเก็ต เมื่อเสริมกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของรัฐบาล ต่อไปภูเก็ตจะไม่ใช่เป็นเพียงแค่เมืองที่ได้ยอมรับว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวและเมืองอาหารชั้นนำ แต่ภูเก็ตจะเป็นเมืองแห่งนวัตกรรม เมืองแห่งความคิดสร้างสรรค์ และเป็นศูนย์กลางของนักรบธุรกิจใหม่ หรือ สตาร์ทอัพฮับ อีกด้วย” พลเอก ประยุทธ์ กล่าว
ด้านดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีกว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า การจัดงานในภูเก็ตครั้งนี้ได้จัดภายในแนวคิด startup on the beach ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากการจัดงานสตาร์ทอัพภูมิภาคที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่และขอนแก่น โดยรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่เป็นฐานเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ ทั้งนี้ยังได้ดำเนินการส่งเสริมทุกรูปแบบ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นการประกาศจุดยืนและความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะใช้ฐานเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0
ด้านนางทรงพร โกมลสุรเดช ปลัดกระทรวงไอซีที ในฐานะเจ้าภาพหลักงาน Digital Thailand 2016 กล่าวว่า รัฐบาลได้เล็งเห็นศักยภาพของจังหวัดภูเก็ตในการพัฒนาเป็น Smart City จึงคัดเลือกจังหวัดภูเก็ตให้เป็นหนึ่งในสองจังหวัดที่เป็นซุปเปอร์คลัสเตอร์ด้านดิจิทัลคู่กับจังหวัดเชียงใหม่ โดยสนับสนุนการพัฒนาและวางโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น การจัดทำโครงข่ายอินเตอร์เน็ ตไร้สายความเร็วสูง ขยายจุดให้บริการฟรี Wi-fi 1,000 จุด การแก้ไขปัญหาจราจรโดยระบบเซนเซอร์อัจฉริยะ การจัดทำศูนย์ภูเก็ต สมาร์ท ซิตี้ อินโนเวชั่น (Phuket Smart City Innovation Park) เพื่อสนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมดิ จิทัล (Super Cluster Digital)
นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนภูเก็ตไปสู่ “Phuket Smart City 2020” ซึ่งการจัดงาน Startup Thailand & Digital Thailand 2016 ในครั้งนี้ นับว่าเป็นการเปิดตัวของ Phuket Smart City อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเป็นต้นแบบของการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลที่ขยายผลสู่ภูมิภาคต่างๆของประเทศต่อไป