ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯมองภาพรวม
โครงการอสังหาฯปี60โตได้10%
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)มองตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังเติบโต ประเมินยอดเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ ปี60 จะโตได้ 10% แม้จะลดลงราว 10% ในปี59 คาดยังมีการเปิดโครงการที่อยู่อาศัยพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างต่อเนื่อง แม้ช่วง 6 เดือนแรกของปี59 ยังเหลือ77,900 ยูนิต และมองว่า นโยบายการลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกจะเป็นปัจจัยบวกช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯ
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เปิดเผยในงานสัมมนาวิชาการ “อสังหาริมทรัพย์ไทย และ CLMV” ว่า ภาพรวมการเปิดตัวโครงการใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในปี 2559 คาดว่าจะลดลง 10% หรือ ประมาณ 90,000 ยูนิต เมื่อเทียบจากปี 2558 ที่มียอดเปิดตัว 100,000 ยูนิต
โดยเมื่อแบ่งตามประเภทสินค้า คอนโดมิเนียมคาดว่าการเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 50,000-52,000 หน่วย ปรับตัวลดลงประมาณ 15% จากปี 2558 ที่เปิดตัว 60,500 หน่วย ในส่วนของบ้านจัดสรร คาดว่า จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ ในอัตราทรงตัวหรือใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยคาดว่า จะมีการเปิดตัวประมาณ 40,000-42,000 หน่วย ขณะที่การปล่อยสินเชื่อใหม่มีอัตราทรงตัวเช่นกันที่ประมาณ 590,000-600,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 580,0000 ล้านบาท
สำหรับการประเมินยอดเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ ปี 2560 คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ 10% หรือมียอดเปิดตัวอยู่ที่ 100,000 ยูนิต เนื่องจากความต้องการคอนโดมิเนียมและโครงการเหลือขายจะมีความสมดุลกันมากขึ้น ภายหลังจากที่ผู้ประกอบการทยอยระบายโครงการเหลือขายไปเป็นจำนวนมากในช่วงมาตรการรัฐ ช่วงต้นปี2559
นายสัมมายังกล่าวว่า ในปี2559ไทยประสบปัจจัยลบอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีนโยบายสนับสนุนหรือกระตุ้นตลาดในช่วงนี้ แต่ยังมีปัจจัยบวกจากนโยบายการลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor (EEC) ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ 3 จังหวัดหลัก ได้แก่ ระยอง ฉะเชิงเทราและชลบุรี ได้รับสิทธิประโยชน์ในการลงทุน จะทำให้เกิดแหล่งงาน ประชากรมีรายได้เพิ่ม ทำให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้น และเกิดความต้องการที่อยู่อาศัยตามมา ซึ่งที่ผ่านมาตลาดอยู่ในภาวะ โอเวอร์ซัปพลายติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้ ซัปพลายถูกดูดทรัพย์ได้เป็นอย่างดี
สำหรับผลการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพและปริมณฑลที่อยู่ระหว่างการขายในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559นี้ พบว่า มีโครงการบ้านจัดสรร จำนวน 1,077 โครงการ รวม 203.000 ยูนิต มีจำนวนหน่วย เหลือขายประมาณ 77,900 ยูนิต หรือมีมูลค่าเหลือขายประมาณ 304,150 ล้านบาท
ศูนย์ข้อมูลฯเชื่อว่า ผู้ประกอบการยังมีการเปิดโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีบางโครงการที่เลื่อนเปิดตัวออกไปโดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ทำให้มีจำนวนยูนิตเพิ่มขึ้น ซึ่งโครงการบ้านจัดสรรใหม่ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทหาได้ยาก แต่ห้องชุดใหม่ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทยังหาซื้อได้อยู่ในพื้นที่ปทุมธานี ส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอธัญญบุรี
นอกจากนี้ยังพบว่า ยูนิตบ้านจัดสรรเปิดขายมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในสมุทรปราการ ซึ่งมีจำนวนโครงการเพิ่มขึ้น จาก 138 โครงการเป็น 146 โครงการ และจำนวนยูนิตเพิ่มขึ้น จาก 30,400 ยูนิต เป็น 32,300 ยูนิต ในส่วนของจำนวนยูนิตห้องชุดเปิดขายมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในจังหวัดนนทบุรี โดยมีจำนวนโครงการเพิ่มขึ้น จาก 49 โครงการเป็น 58 โครงการ และจำนวนยูนิตเพิ่มขึ้นจาก 32,300 ยูนิต เป็น 37,300 ยูนิต
สำหรับการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน CLMV หรือ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม นั้น แนวโน้มการลงทุนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาต่างเป็นที่จับตามองของนักลงทุนไทยและต่างชาติ โดยการศึกษาของนักลงทุนหลายรายพบว่า ทั้ง 4 ประเทศยังมีความ น่าลงทุน แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีความเสี่ยงด้วย โดยเวียดนาม ถือว่าเป็นประเทศที่พัฒนาเร็วกว่า 3 ประเทศดังกล่าว และเกิดภาวะฟองสบู่แตกไปแล้ว 1 รอบ และพยายามดึงเศรษฐกิจให้ฟื้นกลับมาอีกรอบหนึ่ง
ส่วนอีก 3 ประเทศอยู่ในระหว่างการพัฒนาประเทศ ซึ่งเริ่มมีการดึงชาวต่างชาติ เข้าไปลงทุนมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลี และญี่ปุ่น แต่ยังต้องระวังเรื่องกฎหมายการลงทุนที่แม้ทั้ง 4 ประเทศนี้จะมีกฎหมายลงทุนแล้ว แต่ยังไม่ชัดเจน และไม่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น การลงทุนที่ดีที่สุดควรเป็นการร่วมทุนกับนักลงทุนท้องถิ่นที่ไว้ใจได้ และมีสายสัมพันธ์ที่ดีกันมานาน
ขอบคุณภาพประกอบจาก-www.prop2morrow.com/