“เครดิตบูโร” แจงไม่เกี่ยวข้อง
หลักฐานยื่นขอ “วีซ่าอเมริกา”
ผู้บริหารแจง “เครดิตบูโร” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในหลักฐานการยื่นขอวีซ่าอเมริกา ชี้เกณฑ์ขอวีซ่าอเมริกาไม่ต้องยื่นหลักฐานแสดงรายงานข้อมูลเครดิตหรือรายงานเครดิตบูโร การพิจารณาเน้นหลักฐานแสดงความผูกพันกับประเทศที่ผู้ขอวีซ่าที่ถือสัญชาติอยู่ อย่างเอกสารรับรองการทำงาน เอกสารทางการเงิน (รายละเอียดบัญชี) เอกสารรับรองทางการศึกษา ย้ำเครดิตบูโรมีหน้าที่เป็นตัวกลางรวบรวมข้อมูลเครดิต ประวัติการชำระหนี้ที่ดี-ไม่ดี ตามที่สถาบันการเงินหรือบริษัทสมาชิกส่งให้เท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่ขึ้นบัญชีดำหรือ “Blacklist” อย่างที่เข้าใจผิดกัน
นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชนว่า วิทยากรบรรยายในที่สาธารณะท่านหนึ่งยื่นเอกสารต่อฝ่ายกงสุลประจำสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อขอวีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกาแล้วพบว่าไม่ผ่านการพิจารณาด้วยหลักฐานทางการเงินไม่น่าเชื่อถือหรือไม่เพียงพอ เนื่องจากไม่ได้ทำงานประจำ นอกจากนี้เพิ่งทราบว่ามีชื่อติดเครดิตบูโร จากการที่ไปร่วมกับเพื่อนซื้ออาคารและถอนตัวออกมา คนที่รับช่วงอาจมีปัญหาในการผ่อนจึงทำให้ติดเครดิตบูโรและมีชื่อไปเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่กงสุลสหรัฐฯ ไม่อนุมัติวีซ่า เนื่องจากพิจารณาตามหลักเกณฑ์การอนุมัติที่กำหนดไว้
นายสุรพล กล่าวอีกว่า ขอเรียนชี้แจงว่า ทางเครดิตบูโรไม่ได้นิ่งนอนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และทีมงานได้ติดต่อไปยังวิทยากรดังกล่าวเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เครดิตบูโรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเอกสารการยื่นขอวีซ่า เนื่องจากการขอวีซ่าของสหรัฐอเมริกานั้นไม่ต้องยื่นหลักฐานแสดงรายงานข้อมูลเครดิตหรือรายงานเครดิตบูโร การพิจารณาให้ผู้ขอยื่นวีซ่าของสหรัฐอเมริกาจะมุ่งเน้นหลักฐานที่แสดงความผูกพันกับประเทศที่ผู้ขอวีซ่าที่ถือสัญชาติอยู่ หลักฐานแสดงความผูกพัน ได้แก่ เอกสารรับรองการทำงาน เอกสารทางการเงิน (รายละเอียดบัญชี) เอกสารรับรองทางการศึกษา ฯลฯ
“เครดิตบูโรมีหน้าที่เป็นตัวกลางในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลเครดิต ซึ่งมีทั้งประวัติการชำระหนี้ที่ดีและไม่ดี ตามที่สถาบันการเงินหรือบริษัทที่เป็นสมาชิกส่งให้เท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่ขึ้นบัญชีดำ (Blacklist) หรือติดเครดิตบูโร อย่างที่เข้าใจผิดกัน ในเครดิตบูโรไม่เคยมีสิ่งที่เรียกว่า Blacklist หรือติดเครดิตบูโร แต่อย่างใดทั้งสิ้น
จริงๆ แล้ว Blacklist หรือติดเครดิตบูโร คือ ความรู้สึกของตัวเราเองกับสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่เป็นผลร้าย สิ่งที่เป็นผลเสียต่อตัวเรา ตัวเราเองไม่อยากให้ใครเขารู้-เขาเห็น ยิ่งเป็นคนที่เรากำลังพิจารณาเรื่องของเรา คนที่กำลังพิจารณาว่าจะให้-ไม่ให้อะไรที่เราขอ คนที่กำลังพิจารณาให้คุณ-ให้โทษกับเรา สิ่งที่เป็นผลเสียนี้อาจเป็นสิ่งที่เราทำเองในอดีตจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตามเช่น อยากได้เลยไปกู้มาซื้อ ต่อมาจ่ายเงินตามสัญญาไม่ได้เลยเกิดประวัติการค้างชำระ หรือเป็นสิ่งที่คนอื่น เช่น ญาติพี่น้องมาทำให้เกิดในประวัติของเรา เช่น ใช้ชื่อเราไปกู้แล้วไม่จ่าย หวยเลยมาออกที่เรา งานเข้าที่เราเป็นต้น
หรือเราเคยเล่นมาก กิจกรรมเยอะตอนเรียนเลยทำให้บางวิชาได้เกรด D ทั้งที่เรียนดีมาโดยตลอด เวลาจะไปสมัครงานก็กังวล ก็กลัวคนสัมภาษณ์จะมาเห็น-มาถาม เป็นต้น ความรู้สึกหงุดหงิด โกรธ ไม่ชอบกับสิ่งนี้คืออารมณ์ คำถามที่สำคัญก็คือ “ใครเป็นคนทำให้เกิดสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่อาจเป็นผลร้าย สิ่งที่อาจเป็นผลเสียต่อตัวเรา ต่อประวัติของเรา” พูดง่ายๆ ใครเป็นคนทำให้เรามีประวัติไม่ค่อยดีในสมุดพกพฤติกรรมของตัวเรา”
เพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยซึ่งตรงกับแนวทางและแนวนโยบายของเครดิตบูโร มุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเครดิตบูโร รวมถึงการสร้างเสริมวินัยทางการเงินแก่สาธารณชนกรณีดังกล่าวถือเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้ที่มีความประสงค์จะทำธุรกิจหรือจำเป็นต้องมีการกู้ร่วมกับบุคคลอื่น ซึ่งวินัยทางการเงินนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่มิควรละเลย
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเครดิตบูโร สามารถสอบถามหรือขอรับคำปรึกษาได้ที่ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ให้บริการปรึกษาเกี่ยวกับข้อมูลประวัติสินเชื่อผ่าน Call Center 0-2643-1250 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-17.30 น. หรือ อีเมล consumer@ncb.co.th
หรือดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.ncb.co.th