บสย. ผนึก19 ธนาคารช่วยธุรกิจ
“ค้ำประกันสินเชื่อSMEsทวีทุน”
บสย.พร้อมค้ำประกันสินเชื่อผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี เปิด “โครงการ SMEs ทวีทุน” ปลุกมู้ดลงทุน SMEs พร้อมรับคำขอสินเชื่อตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิ.ย. 2561 “แบงก์” จ่อปล่อยสินเชื่อทันที ประเดิม 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารทหารไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ไทย แต่จะทยอยเซ็น MOU ครบ 19 แห่งในสิ้นปี 2559 นี้ ซึ่งคาดจะสามารถค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการผ่านโครงการนี้ได้ 3,000 ล้านบาท ขยายระยะเวลาค้ำประกันจาก 7 ปีเป็น 10 ปี ค่าธรรมเนียม1.75% ต่อปี
นายนิธิศ มนุญพร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า บสย. ได้จัดงานเปิดตัวโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ทวีทุน และร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับธนาคารพันธมิตร โดยมี 19 ธนาคารเข้าร่วมงานในวันนี้ เพื่อประกาศความพร้อมให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ในโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ทวีทุน (PGS6) ในวงเงิน 100,000 ล้านบาท เพิ่มโอกาสผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงสินเชื่อมากขึ้น ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุน และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในประเทศ
“วันนี้ บสย. ได้ร่วมลงนาม MOU กับธนาคารต่างๆ ซึ่งจะทยอยลงนามจนครบ 19 ธนาคารภายในสิ้นปีนี้ โดยขณะนี้มี 3 ธนาคารพร้อมปล่อยสินเชื่อ และใช้ บสย.ค้ำประกันในโครงการนี้ ได้แก่ ธนาคารทหารไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ไทย โดยคาดว่าจนถึงสิ้นปี 2559 จะสามารถค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการผ่านโครงการนี้ได้ 3,000 ล้านบาท”
สำหรับโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ทวีทุน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติการดำเนินโครงการเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2559 เป็นโครงการที่ต่อยอดมาจากโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 5 โดยมีระยะเวลารับคำขอค้ำประกันได้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561 คาดว่าตลอดโครงการจะสามารถช่วยผู้ประกอบการ SMEs ได้ 33,000 ราย ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบคิดเป็น 168,000 ล้านบาท ก่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในระบบ 458,000 ล้านบาท
ข้อดีของโครงการ SMEs ทวีทุน คือ มีการขยายระยะเวลาการค้ำประกันจาก 7 ปี เป็น 10 ปี เพื่อให้การช่วยเหลือ SMEs เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยคิดค่าธรรมเนียมค้ำประกันอยู่ที่ 1.75% ต่อปี
นอกจากนี้ เพื่อสนับสนุน SMEs ที่เข้าระบบฐานภาษีได้รับสิทธิประโยชน์ และความช่วยเหลือต่างๆ จากภาครัฐ โครงการดังกล่าวจึงมีคุณสมบัติเพิ่มเติมว่า ต้องเป็น SMEs ที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ ทั้งที่เป็น SMEs ประเภทบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลโดยมีเอกสารหรือหลักฐานแสดงการยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล ในรอบปีปัจจุบันหรือ 1 ปีก่อนหน้า