‘แพลทินัม’ ผนึกSMEsแฟชั่น
พัฒนา ‘ฮับ’ ค้าส่ง-ปลีกอาเซียน
แพลทินัม กรุ๊ป ประกาศผลประกอบการปี 59 ยังแกร่ง กำไรสุทธิโต 12% มูลค่า 704 ล้านบาทจากยอดรายได้ 1,863 ล้านบาท ที่มาจาก 3 ส่วนหลัก ทั้งรายได้จากค่าเช่า ค่าบริการและโรงแรม รายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่มและรายได้อื่น ๆ ปี60 ตั้งเป้ารายได้เติบโตที่ 2,000 ล้านบาท พร้อมเป้าหมายผลักดันให้ศูนย์การค้า “เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์” กลายเป็น “The Best WholesaleFashino HUB of ASEAN” ผ่านการผนึกกับผู้ประกอบการ SMEs ร้านค้าแฟชั่นในโครงการ “The Platinum Empowering SMEs” เพื่อพัฒนาสินค้า สร้างแบรนด์และทำธุรกิจแข่งขันได้ เพื่อเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน เปี 59 เข้าร่วมโครงการ 20 ร้านค้า ปี 60 ตั้งเป้ารวม 100 ร้านค้า
นายชาญชัย พันธุ์โสภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PLAT ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาศูนย์การค้าส่งและปลีก รวมทั้งบริหารพื้นที่ค้าส่งปลีกให้เช่าเพื่อการพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยงวดปี 2559 มีรายได้ 1,863 ล้านบาท กำไรสุทธิ 704 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 74 ล้านบาทหรือ12% จากปี 2558 ผลจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากค่าเช่า ค่าบริการและโรงแรม ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่มั่นคง ประกอบกับช่วงต้นเดือนธันวาคม 2559 บริษัทเปิดพื้นที่ให้เช่าสำหรับโครงการ “ตลาดนีออน” ตลาดนัดกลางคืน ใจกลางกรุง บนถนนเพชรบุรี 23-29 ทำให้มีรายได้จากการให้เช่าและบริการเพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่มและรายได้อื่น ๆ
สำหรับปี 2560 แพลทินัมตั้งเป้ารายได้ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีการรับรู้รายได้เพิ่มหลังจากปี 59 ขยายห้องพักสวีทโรงแรมเพิ่มอีก 5 ห้อง ภายในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนรายได้บริษัทให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ส่วนความคืบหน้าโครงการ เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก(The Market Bangkok ) ศูนย์การค้าปลีกขนาดใหญ่ บนถนนราชดำริที่กำลังก่อสร้างอยู่ข้างบิ๊กซี ขนาดพื้นที่รวม 170,000 ตร.ม. มูลค่าการลงทุน 5,800 ล้านบาท ได้ดำเนินการลงเสาเข็มโดยงานชั้นใต้ดินดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะเริ่มเห็นโครงสร้างถึงชั้นบนสุดภายในปี2560 นี้ มีกำหนดแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 4 ปี 2561 ด้านความคืบหน้าในการลงทุนที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ปลายปี 2560 นี้จะเริ่มก่อสร้างโรงแรม 2 แห่ง คือ โรงแรม Holiday Inn Express เป็นโรงแรม 3 ดาว และโรงแรม Holiday Inn Resort 4 ดาว
ขณะที่ความคืบหน้าทางเดินลอยฟ้า “Bangkok Skyline” ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนของเดอะ แพลทินัม กรุ๊ป และกลุ่มเกษร ปัจจุบันเปิดบริการในเฟส 1 (ความยาวทั้งหมด 300 เมตร ความกว้างทางเดิน 5.8 เมตร) เปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการไปแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา มีผู้มาใช้บริการประมาณ 50,000 คน/วัน
สำหรับเฟส 2 (ความยาว 180 เมตร ความกว้างทางเดิน 3 เมตร) จะเชื่อมต่อจากเฟส 1 ผ่านโครงการ “เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก, ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี, อาคารเกษร ,อาคารอัมรินทร์ พลาซ่า และเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าชิดลม” คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/ 2560 จะช่วยให้มีการเชื่อมต่อระหว่างศูนย์การค้าและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนมากขึ้น ขณะเดียวกันจะส่งผลดีต่อการเติบโตทางด้านธุรกิจของย่านประตูน้ำ และส่งผลดีต่อธุรกิจของเดอะ แพลทินัม กรุ๊ป ที่มีธุรกิจในย่านนี้เช่นกัน
นายชาญชัย ชี้ว่า ย่านประตูน้ำเป็นย่านธุรกิจที่มีพัฒนาการและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยมีการรวมตัวกันของผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่งสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น ในลักษณะเดียวกันอย่างโดดเด่นและชัดเจน จนปัจจุบันเป็นที่จดจำกันว่าเป็น Wholesale Fashion Destination Venue ที่รับรู้กันทั่วไปทั้งคนไทยและต่างชาติไปแล้ว นอกจากนี้ประตูน้ำยังมีศักยภาพด้านทำเลที่อยู่ใจกลางเมือง อยู่ใกล้กับแหล่งที่พัก แหล่งท่องเที่ยวที่สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งกลางวันและกลางคืน มีการเดินทางที่สะดวก สามารถเชื่อมต่อการเดินทางจากทางเดินลอยฟ้าสู่สถานีรถไฟฟ้า (BTS) การอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link ราชปรารภ สะดวกต่อการเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิหรือการเดินทางทางเรือโดยสารคลองแสนแสบ ขณะเดียวกันในอนาคตยังจะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเกิดขึ้นอีก ซึ่งจะช่วยเติมเต็มให้ย่านประตูน้ำ ให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ย่านประตูนน้ำเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้มีนักธุรกิจสนใจลงทุนทำธุรกิจในย่านนี้เป็นจำนวนมากและยังคงมีการลงทุนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นทั้งย่านการค้าธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสมบูรณ์แบบระดับนานาชาติ
“ในส่วนธุรกิจของ เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป เองก็ถือว่ามีธุรกิจหลักที่อยู่ในบริเวณย่านนี้หลายอย่าง โดยนอกจากมีศูนย์ค้าส่ง เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ แล้ว ยังมีโรงแรมโนโวเทล แพลทินัม ประตูน้ำ ตลาดนีออน และโครงการ The Market Bangkok อีกด้วย นายชาญชัยกล่าวว่า ดังนั้นภายในอีก 2 ปี จะได้เห็นย่านประตูน้ำมีพัฒนาการเติบโตยิ่งขึ้นไปอีก ”
ดังนั้นในปี2560 นี้ แพลทินัม กรุ๊ป จึงวางแผนผลักดันให้ศูนย์การค้า เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ กลายเป็น “The Best WholesaleFashino HUB of ASEAN” โดยสถิติที่ผ่านมาพบว่า ชาวต่างชาตินิยมมาใช้บริการศูนย์การค้า เดอะ แพลทินัมอันดับต้น ๆ ได้แก่ ชาวสิงคโปร์และมาเลเซีย นอกจากนี้ยังมีอินโดนีเซียและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ CLMV ที่สนใจมาท่องเที่ยวและทำธุรกิจซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นรูปแบบค้าส่งไปจำหน่ายต่อในประเทศของตนเอง
และเพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็นฮับค้าแฟชั่นค้าส่งของอาเซียน แพลทินัม กรุ๊ป ได้อาศัยโครงการ “The Platinum Empowering SMEs” มาช่วยสนับสนุน ซึ่งได้เริ่มทำโครงการมาในเดือนพฤษภาคม 2559 โดยเบื้องต้นมีร้านค้าเข้าร่วม 20 ร้าน ในปีนี้ตั้งเป้าร้านค้าเข้าร่วมโครงการรวม 100 ร้าน จากประมาณ 3,000 ร้านค้าภายใน เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ เพื่อนำสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ การเป็น “The Best WholesaleFashino HUB of ASEAN”
“ภายใต้โครงการนี้จะมีการพัฒนาผู้ประกอบการSMEs และสตาร์ทอัพ ให้สามารถสร้างแบรนด์เพื่อให้แข่งขันได้ ทั้งด้านจัดหาแหล่งทุน การบ่มเพาะธุรกิจให้มีความเข้าใจในการทำธุรกิจ เพื่อเพิ่มยอดขายและเติบโตไปพร้อมกันได้อย่างยั่งยืน ในตลาดเสื้อผ้าแฟชั่นทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่ออำนวยควมสะดวกให้กับผู้ทำธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกด้นแฟชั่นเข้าถึงข้อมูลร้านค้าและสินค้าแฟชั่นที่ผ่านการคัดสรรคุณภาพจากโครงการโดยตรง ตลอดจนร่วมกันพัฒนาย่านการค้ส่งประตูน้ำของไทย ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว พักผ่อน ช้อปปิ้งที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะต่อยอดให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย เกิดเงินหมุนเวียนสะพัดในระหว่างที่มาท่องเที่ยวภายในประเทศไทยได้สุงสุด
นอกจากนี้ในปี 2560 นี้อาจจะพาร้านค้าที่มีศักยภาพไปโรดโชว์ในต่างประเทศด้วย”