หมุนตามโลก..คณาภพ ทองมั่ง
“เกาหลีเหนือ..แผลงฤทธิ์”
ในที่สุด เกาหลีเหนือได้ทดสอบขีปนาวุธครั้งใหม่อีก แต่ประสบความล้มเหลว ขณะที่สหรัฐประกาศว่า ยังไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ กับรัฐบาลเปียงยาง เพราะคาดไว้แล้วว่า จะเป็นเช่นนั้น
การที่นายคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เลือกช่วงเวลาทดสอบขีปนาวุธเมื่อตอน 06.21 น. ตามเวลาท้องถิ่นคาบสมุทรเกาหลี เช้าตรู่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา(16เม.ย.) มีนัยะสำคัญที่ต้องการสื่อไปยังสหรัฐโดยตรงว่า
“เกาหลีเหนือไม่กลัวสหรัฐ”
การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งนี้ มีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนหน้านายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ เดินทางเยือนกรุงโซล เพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่ระดั บสูงเกาหลีใต้ ที่รวมถึงรัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ และรัฐมนตรีต่างประเทศ
การทดสอบนิวเคลียร์ล่าสุดที่ เขตซินโป ในจังหวัดเซาท์ ฮัมเกียง ทางตะวันออกของเกาหลีเหนือ ยังเกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากรัฐบาลเปียงยางโชว์แสนยานุ ภาพที่ลานขนาดใหญ่ใจกลางเมื องหลวง เมื่อวันเสาร์ที่ 15 เมษายน เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันเกิ ดครบรอบ 105 ปีนายคิม อิล-ซุง ผู้ก่อตั้งประเทศ ที่ได้รับยกย่อง”บิดาแห่งเกาหลี เหนือ” และเป็นปู่ของนายคิม จอง-อึน โดยบิดาของนายคิม จอง-อึน คือ นายคิม จอง-อิล ผู้สื บทอดอำนาจการปกครองจากนายคิม อิล-ซุง เมื่อปี 2537 และถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปี 2552
พิธีฉลองอย่างยิ่งใหญ่ มีการเดินพาเหรด ทั้งของกองทัพและพลเรือน โชว์อาวุธมากมาย รวมทั้งขีปนาวุธข้ามทวีป หรือบีเอ็ม และขีปนาวุธนำวิถีที่ยิงจากเรือดำน้ำ หรือเอสแอลบีเอ็มรุ่นใหม่ ขณะที่นายคิม จอง-อึน ยืนโดดเด่นบนปะรำพิธีสูงจากพื้นดินเท่าอาคาร 4–5 ชั้น ท่ามกลางนายทหารระดับสูงหลายคน นายคิมยิ้มและปรบมือต้อนรับเหล่าทหาร ซึ่งภาพจากสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งแสดงให้เห็นอย่างชัดจนว่า เขาภาคภูมิใจกับเหล่าทหารที่เชื่อกันว่า นับรวมทั้งกองทัพมีกำลังพลประมาณ 1 ล้านนาย
รัฐบาลเกาหลีใต้ประเมินเบื้องต้นว่า ขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือทดสอบล้มเหลวครั้งนี้ น่าจะเป็นขีปนาวุธพิสัยกลาง แบบ “เคเอ็น 15” รัศมีทำการ 600 กิโลเมตร ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับที่เพิ่งทดสอบเมื่อต้นเดือนนี้ หากประสบความสำเร็จ ขีปนาวุธศัยกภาพสูงนี้ จะสามารถยิงโจมตีไปถึงยุโรป และดินแดนบางส่วนของสหรัฐได้ แม้ผู้เชี่ยวชาญอาวุธนิวเคลียร์มองว่า การทดสอบหลายครั้งที่ผ่านมาส่วนมากล้มเหลว และเกาหลีเหนือยังต้องใช้ เวลาพัฒนาขีปนาวุธชนิดนี้อีกหลายปี
ความล้มเหลวจากการทดลองครั้งนี้ ทำให้รัฐบาลเกาหลีเหลืออับอาย และเสียหน้ามาก เนื่องจากนายคิม จอง-อึน ได้เชิญสื่อต่างชาติ จำนวนมากเข้าร่วมพิธีที่ยิ่ งใหญ่ของเกาหลีเหนือด้วย ซึ่งภาพจากกล้องทีวีสถานีโทรทั ศน์ต่างชาติที่ออกอากาศไปทั่ วโลก แสดงให้เห็นการทดสอบอย่างเด่นชัด
ขณะที่ นายหวาง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งทั้งสองคนเห็นพ้องกันว่า ควรนำคู่กรณี 6 ชาติ กลับคืนสู่การเจรจา6 ฝ่ายว่าด้วยโครงการนิวเคลียร์ เกาหลีเหนือ ที่ระงับไปเมื่อปี 2552 เพราะเกาหลีเหนือไม่พอใจที่ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ลงมติประณามรัฐบาลเปียงยาง ที่ยิงขีปนาวุธในปีนั้น
ชาติที่เข้าร่วมการเจรจา 6 ฝ่ายประกอบด้วย สหรัฐ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น รัสเซีย จีน และเกาหลีเหนือ ซึ่งที่ผ่านมา จีนเป็นเจ้าภาพการเจรจาทุกครั้งและจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งมาตลอดในช่วงประมาณเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา
รัฐมนตรีต่างประเทศจีนและรัสเซีย คู่พันธมิตรสำคัญ 2 ใน 5 ชาติสมาชิกถาวรของคณะมนตรี ความมั่นคง ฯ ยังเรียกร้องให้สหรัฐและเกาหลีเหนือยุติการข่มขู่และยั่วยุต่อกัน พร้อมทั้งเตือนว่า ฝ่ายใดก็ตามที่ “จุดชนวนสงคราม” จะต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ ที่อาจเกิดขึ้นตามมา หลังจากที่สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นเมื่อสหรัฐส่งเรือบรรทุกเครื่องบินคาร์ล วินสัน พร้อมกองเรือบริวารเต็มกำลัง ไปยังน่านน้ำคาบสมุทรเกาหลี เมื่อ 3–4 วันที่ผ่านมา เพื่อ”ปราม” เกาหลีเหนือ
ส่วนนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่น เรียกร้องให้เกาหลีเหนือใช้ ความอดกลั้นและเลิกยั่วยุ ให้ปฏิบัติตามมติสหประชาชาติที่ ห้ามทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ รวมทั้งเลิกพัฒนาอาวุธดังกล่าว โดยผู้นำญี่ปุ่นจะแลกเปลี่ยนทรรศนะต่อปัญหาเกาหลีเหนือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ในการพบกันที่จะมีขึ้นเดือนนี้
สำหรับรองประธานาธิบดีเพนช์ ของสหรัฐ ประกาศเมื่อช่วงสายวันจันทร์(17เม.ย.)ว่า แนวทางในการจัดการกับเกาหลีเหนือมีแนวโน้มเป็นไปได้ทุกทางเลือก นายเพนช์ ซึ่งไปเยือนหมู่บ้านปันมุนจอม ซึ่งเป็นจุดแบ่งเขตแดนระหว่างเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือ และมีการคุ้มกันทางทหารอย่างเข้ มงวด
การที่รองประธานาธิบดีสหรัฐมาเยือนพื้นที่แนวหน้าใกล้ชายแดนสองเกาหลี เป็นการตอกย้ำว่า รัฐบาลสหรัฐให้ความสนใจกับปัญหาเกาหลีเหนือ หลังจากไม่พอใจที่เกาหลีเหนือทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธมาหลายปี ทั้งยังฝ่าฝืนมติสหประชาชาติ และประชาคมโลก นายเพนช์ประกาศว่า ความสัมพันธ์ของสหรัฐกับเกาหลี ใต้ยังแข็งแกร่งโดยยืนยันว่าสหรัฐ แสวงหาสันติมาตลอด และพร้อมยืนเคียงข้างเกาหลีใต้
รองผู้นำสหรัฐกล่าวด้วยว่า ยุคแห่งการใช้แนวทางอดทนอดกลั้นได้จบสิ้นลงแล้ว และหวังว่าจีนจะดำเนินการมากขึ้นเพื่อช่วยคลี่คลายปัญหา
วงการทูตกำลังจับตาไปที่จีน ซึ่งในยุคการปกครองของนายคิม จอง-อิล ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศแนบแน่นมาก นายคิม จอง-อิล สานต่อความสัมพันธ์กับประธานาธิ บดีหู จิ่นเทา ผู้นำจีนในขณะนั้น ซึ่งถือเป็น “พี่ใหญ่” ได้อย่างราบรื่น เพราะเกาหลีเหนือในยุคนั้น ต้องพึ่งพาจีนในฐานะพันธมิตรหลักอย่างมาก ทั้งความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและ ด้านอื่นๆ แต่ผู้นำจีนคนปัจจุบัน คือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังคงนิ่งเงียบ ปล่อยให้นายหวาง ยี่ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เป็นตัวแทนในการเจรจารับมือกับสถานการณ์บนคาบสมุทร ที่เปลี่ยนแปลงเร็วมากในแต่ละวั น
ประธานาธิบดีสี เคยแสดงท่าทีไม่พอใจต่อพฤติกรรมของนาย คิม จอง-อึน มาแล้วหลายครั้ง จากท่าทีแข็งกร้าว ใจร้อน ยั่วยุ ของผู้นำหนุ่มเกาเหลีเหนือที่อยู่ในวัยห่างกันราวพ่อกับลูก และประสบการณ์ทางการเมืองก็ยังห่างกันหลายชั้น ขณะที่รัฐบาลจีน แสดงท่าทีว่า นายคิม จอง-อึน มีพฤติกรรมยั่วยุมากยิ่งกว่านายคิม จอง-อิล ผู้พ่อ แม้นายคิมผู้พ่อ มีนโยบายให้กองทัพพัฒนาอาวุธนิ วเคลียร์ และเคยสั่งให้ทำการทดสอบมาแล้ ว
หากประธานาธิบดีจีนแสดงท่าทีใดๆ จะเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งต่ อสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี ที่กำลังอึมครึม เสี่ยงต่อการเผชิญหน้าที่รุนแรง และอาจลุกลามกลายเป็นสงครามได้
ขอบคุณภาพประกอบจาก-https://www.independent.co.ug