“G-ABLE” ย้ำผู้นำสู่ยุคดิจิทัล
จัด3โซลูชั่นลุยช่วยองค์กรไทย
“G-ABLE” ต่อยอดผู้นำการให้บริการไอทีโซลูชั่นครบวงจรช่วยปฏิรูปธุรกิจไทยสู่ยุคดิจิตอล (Digital Transformation) หลังจากในรอบปีที่ผ่านมา G-ABLE มีส่วนร่วมในการ Transform องค์กรธุรกิจไทยในทุกอุตสาหกรรม คาดปีนี้ลงทุนต่อเนื่องใน 3 แกนหลักของ G-ABLE คือ Big Data, Marketing Technology และ Cloud ส่วนประกอบสำคัญในการเข้าสู่ดิจิทัลในองค์กร ที่เริ่มออกผลชัดเจน โดย 1 ใน 3 แกน คือ การพัฒนาโซลูชั่น Big Data ขั้นสูงด้วยฝีมือคนไทย พร้อมมีแผนลงทุนเพิ่ม 3 ด้าน คือ People, Partner และ Technology ด้าน People จ้างคนเพิ่มมากกว่า 50%
นายสุเทพ อุ่นเมตตาจิต กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท G–ABLE เปิดเผยว่า ปีนี้ G-ABLE เน้นยุทธศาสตร์ การเป็น Digital Transformation Agent เพื่อช่วยลูกค้าในการปฏิรูปองค์กรให้ตอบโจทย์การขับเคลื่อนของธุรกิจในยุคดิจิตัล โดยมี 3 โซลูชั่นเรือธง คือ Big Data, Marketing Technology, และ Cloud Infrastructure
“G-ABLE เชื่อว่ามี Concept ที่สำคัญ 3 ข้อ ในการทำ Digital Transformation ได้แก่ การสร้างความสามารถในการวัดผล (Measurable), การสร้างระบบอัตโนมัติ (Automated), และการสร้างความสามารถในการขยายผล (Scalable) ของธุรกิจเพื่อให้เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้ธุรกิจ ด้วย IT และ Digital Technologies โดยโซลูชั่นที่ G-ABLE ให้บริการทั้งหมด สามารถช่วยให้องค์กรธุรกิจตอบทั้ง 3 concepts ของ Digital Transformation ได้ โดยโซลูชั่นทั้งหมดของ G-ABLE สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ
1. Modern Digital Solutions: กลุ่มโซลูชั่นที่สร้างจากการผสานนวัตกรรมใหม่ในการขับเคลื่อนธุรกิจโดยเน้นเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง เช่น Big Data, Machine Learning, Internet of Things เพื่อพัฒนาต่อยอดให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้สูงสุด โดยโซลูชั่นเรือธงของกลุ่มนี้คือ Big Data
2. Enterprise Solutions: กลุ่มโซลูชั่นที่เน้นการสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีสำหรับองค์กรโดยเฉพาะ เช่น Enterprise Business Solutions, Enterprise Communication, Marketing Technology (MarTech) โดยโซลูชั่นเรือธงของกลุ่มนี้ คือ Marketing Technology
3. Infrastructure Solutions: กลุ่มโซลูชั่นด้านโครงสร้างพื้นฐานในระบบสารสนเทศที่เน้นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อนให้มีความง่ายในการบริหารจัดการและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถปรับขยายให้รองรับการเติบโตของธุรกิจ หรือการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เช่น Cloud Infrastructure & Platform, IT Operation Management โดยโซลูชั่นเรือธงของกลุ่มนี้คือ Cloud Infrastructure
“จากแต่ละกลุ่มโซลูชั่น G-ABLE คัดเลือกมาเป็น 3 Flagship Solutions คือ Big Data, Marketing Technology และ Cloud Infrastructure เพราะเป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำ Digital Transformation ให้กับองค์กร โดยเราเริ่มจากระดับ Infrastructure ให้มีเสถียรภาพที่รองรับการขยายตัวทางธุรกิจได้ และต่อไปสู่การใช้โซลูชั่น Big Data เพื่อทำการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจที่ดีกว่า จนไปถึงการขายที่นำด้วย Digital Marketing ที่ใช้พลังของ Marketing Technology ผสมกับการใช้ Big Data ที่มีอยู่มหาศาลสร้างยอดขายผ่าน Digital Channels ที่ทันสมัย”
Big Data Total Solutions ต่อยอดธุรกิจจากความสำเร็จในปี 2559
สุเทพกล่าวเพิ่มว่า ในปีที่ผ่านมา G-ABLE เป็นผู้เปิดตลาด Big Data Solutions ในประเทศไทย โดยลงทุนสร้างนวัตกรรมของเราเอง นอกจากนี้ยังลงทุนในโครงการ Big Data Experience Center ศูนย์ให้คำปรึกษาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ Big Data ครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาโซลูชั่น Big Data ขั้นสูงด้วยฝีมือคนไทย และได้ถูกนำไปใช้ในหลายองค์กรชั้นนำอย่างเป็นรูปธรรม
จากความสำเร็จจากโซลูชั่น Big Data ของบริษัทที่มียอดขายเติบโตสูงขึ้น 86% ในปีที่ผ่านมา ในปีนี้ ทาง G-ABLE ต่อยอดโซลูชั่น Big Data ให้สามารถประยุกต์ใช้ร่วมกับเทคโนโลยีขั้นสูงอื่นๆ เช่น Machine Learning, Marketing Technology และ Internet of Things (IoT) ได้ เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการได้ผลการวิเคราะห์ที่รวดเร็ว แม่นยำที่สุด เพื่อใช้ในประกอบการตัดสินใจในการทำธุรกิจ
Marketing Technology ส่วนที่เป็นเรื่องจริงของ Digital Marketing
ปี 2560 เป็นปีที่ผู้ประกอบการทุกธุรกิจควรเลือกลงทุนกับ Digital Marketing ที่สามารถสร้างผลลัพธ์และวัดผลทางธุรกิจได้แบบเรียลไทม์ อย่างไรก็ดีการทำ Digital Marketing ในปัจจุบันโดยมากเป็นการเริ่มต้นแบบพื้นฐานที่เน้นการทำ Creative Ad และเผยแพร่ผ่านช่องทาง online เท่านั้น แต่ยังไม่ได้เน้นการใช้เทคโนโลยีการตลาด (Marketing Technology) ในการสร้างธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม
“ถ้าหากดูบริษัทระดับโลกที่ทำ Digital Marketing นั้นจะเห็นว่าไม่ได้เน้นแค่การทำ Creative Ads แต่มีการลงทุนด้าน Marketing Technologies และวิศวกรรมอย่างมาก โดยเฉพาะการทำ High Performance Website, ROI Optimization, Marketing Cloud ซึ่งโซลูชั่นด้าน Marketing Technologies เหล่านั้นคือสิ่งที่ G-ABLE นำเสนอ โดยทุกโซลูชั่นจะเน้น Automation Technology มีระบบและการจัดการอัลกอริทึมอัตโนมัติอย่างมีประสิทธิภาพ Measurable Technology สามารถวัดผลได้ ให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าทุกเม็ดเงินที่ลงไปสามารถสร้างรายได้กลับมาได้อย่างเป็นรูปธรรม
Cloud ยังแรงไม่มีตก
ในตลาดโลกมีการคาดการณ์ว่า ตลาด Cloud จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่าจากมูลค่าตลาดในปัจจุบัน ไปอยู่ที่ 195,000 ล้านเหรียญ (6.825 ล้านล้านบาท) ในปี 2020 โดยรายได้รวมของ IT Infrastructure สำหรับ Private Cloud และ Public Cloud นั้นเติบโตรวมกันอยู่ที่ 15.7% (ไตรมาสที่ 4 ปี 2015) ในขณะที่รายได้ของระบบ
Traditional IT Infrastructure มีการหดตัวลงเล็กน้อยประมาณ 2.7% ในช่วงเวลาเดียวกัน (อ้างอิงจาก IDC, ข้อมูลปี 2016) สำหรับประเทศไทย คาดการณ์ว่าสัดส่วนของ Traditional IT Structure และ Cloud Infrastructure ของธุรกิจจะปรับเปลี่ยนมาอยู่ที่ 55% ต่อ 45% ในปี 2019
แนวโน้มนี้ทำให้ Cloud Infrastructure ยังคงเป็นหนึ่งใน 3 เรือธงของ G-ABLE ในปีนี้ โดย G-ABLE มีประสพการณ์ด้านการพัฒนาและดูแลรักษาระบบ Data Center ให้กับลูกค้ามานาน สามารถเสนอโซลูชั่นที่เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ Data Center แบบครบวงจร ตั้งแต่การอัพเกรด data center ด้วย 3rd generation platform การทำ virtualization และการสร้าง private cloud การเชื่อมโยงระหว่าง data center และ public cloud ด้วยการทำระบบให้รองรับการทำ Hybrid Cloud
นาย สุเทพ กล่าวทิ้งท้ายว่า “จริงๆ การทำ Transformation ให้กับลูกค้าไม่ใช่เรื่องใหม่ของ G-ABLE เพราะเรามีประสบการณ์มากกว่า 28 ปีในการทำ Transformation ให้กับบริษัทชั้นนำในไทย ซึ่งสิ่งสำคัญสำหรับการทำ Digital Transformationใน Scale ขนาดใหญ่ คือ ลูกค้าต้องการผู้เชี่ยวชาญที่ไว้วางใจได้และสามารถซัพพอร์ตอย่างมืออาชีพได้ในระยะยาว ซึ่งจุดเด่นของ G-ABLE คือความสามารถในการให้บริการแบบรวมศูนย์ (Total Solutions) สามารถให้โซลูชั่นที่มีความหลากหลายเชิงธุรกิจและเทคนิคได้ โดยลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาประสานงานกับvendor ทีละรายในแต่ละโครงการ นอกจากนี้ยังมีบุคลากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม ทำให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าได้โซลูชั่นที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด
และเพื่อให้ได้โซลูชั่นที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ในปีนี้เรามีแผนเพิ่มการลงทุนใน 3 ด้าน คือ People, Partner และ Technology โดยด้าน People เป็นส่วนที่ให้ความสำคัญสูงสุด ซึ่งเรามีการจ้างคนเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ในทีมงานที่ดูโซลูชั่นด้าน Big Data, Securityและ Digital Marketing รวมถึง Industry Expert ในธุรกิจต่างๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ทุกโซลูชั่นของ G-ABLE จะไม่เพียงแต่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด แต่จะสอดคล้องกับ Business Practices และความต้องการในธุรกิจนั้นๆ เพื่อให้ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุดในการทำ Digital Transformation”