โครงการหลวงวัดจันทร์ อ.อ.ป.
เที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่มีเบื่อ
ใครที่มีไลฟ์สไตล์ต้องยุ่ง ๆ วุ่น ๆ กับการทำงานหนัก หากต้องการจะหยุดพักและกำลังมองหาพื้นที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ มีแหล่งพักผ่อนที่เป็นพื้นที่โครงการหลวงมากมายให้เลือก เชื่อมั่นได้ว่า จะได้สัมผัสกับธรรมชาติสุดงดงาม โครงการหนึ่งที่น่าสนใจ คือ โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ อ.อ.ป. จ.เชียงใหม่ ซึ่งเวลานี้มีการนำเสนอแพ็คเกจสำหรับนักท่องเที่ยวให้สามารถมาเยือนได้ตลอดทั้งปี กับ “ทริปกอดความหนาว กอดธรรมชาติ กอดได้ตลอดทั้งปี ไม่มีวันเบื่อ @ โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ อ.อ.ป.” เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนปล่อยวาง หลีกหนีชีวิตยุ่ง ๆ เพื่อมาพักผ่อนอย่างแท้จริง
คุณฐิตาภา พินิจไชย ผู้จัดการ THE HORSE BARN และ อดีตที่ปรึกษาด้านท่องเที่ยวและการตลาดขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ปี 2554 เปิดเผยว่า “ทริปกอดความหนาว กอดธรรมชาติ กอดได้ตลอดทั้งปี ไม่มีวันเบื่อ @ โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ อ.อ.ป.” ตำบลบ้านจันทร์ อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ เกิดขึ้นจากความร่วมมือจากหลายฝ่าย ประกอบด้วย นายปวิณ ชำนิประสาน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และนายภาสกร มีวาสนา ผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เหนือตอนบน โดยมีแนวคิดมาจากเมื่อต้นปี 2560 ได้ทำทริปเส้นทางท่องเที่ยวหางดง สะเมิง อ.กัลยาณิวัฒนา ของ The Horse Barn ซึ่งเป็นร้านอาหารสไตย์คันทรีโบฮีเวียนที่ บ้านปง อยู่ท่ามกลางหุบเขา และมีกิจกรรมหลายอย่างอาทิ ขี่ม้า วาดภาพธรรมชาติ คุ๊กกิ้งคลาสธรรมชาติ
และเนื่องจาก The Horse Barn ไม่มีที่พัก จึงได้มาศึกษาสถานที่สวยๆ ของ อ.อ.ป. ที่มีอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือ โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ ที่จัดว่า มีความสวยงามทั้งธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและมีวัฒนธรรมของชนเผ่าปาเก่อญอที่น่าสนใจ เลยมีแนวคิดในการจัดเป็นทริปเส้นทางธรรมชาติ หางดง สะเมิง กัลยาณิวัฒนา เพื่อศึกษาเส้นทางธรรมชาติ เป็นการท่องเที่ยวแบบปราณีต ผูกพัน และ ยั่งยืน.. กลายเป็นทริป “กอดความหนาว กอดธรรมชาติ กอดได้ตลอดทั้งปีไม่มีวันเบื่อ @ โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ อ.อ.ป.” ขึ้น
ด้านนายภาสกร มีวาสนา ผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เหนือตอนบน เปิดเผยว่า อ.อ.ป. มีหน้าที่ทำไม้เพื่อหารายได้เข้าประเทศ โดยดูแลป่าทั่วประเทศเป็นพื้นที่ 1,100,000 ไร่ มีการปลูกต้นไม้เพื่อใช้ประโยชน์ เช่น ต้นสน ยูคาลิป ในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ซึ่งจะนำต้นไม้บางส่วนมาใช้ประโยชน์ โดยไม่ต้องไปตัดไม้ในป่าธรรมชาติ เช่น ปลูก 100 ต้น เอามาใช้ 30% หรือ 30 ต้น ขายให้เอกชนและประชาชนทั่วไป
ขณะเดียวกันอ.อ.ป.ยังปรับบทบาทโครงการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วย เพื่อช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ มีรายได้ไม่มาก เพียงประมาณ 2-3% ของการท่องเที่ยวทั่วประเทศ สำหรับ “โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์” ถือเป็นไฮไลท์อย่างหนึ่ง มีความสวยงาม เป็นธรรมชาติไม่แพ้รีสอร์ท เงียบสงบเหมาะสำหรับพักผ่อน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกตามสมควร มีไว-ไฟให้สื่อสารได้ ขณะเดียวกันยังเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนไปดวยในตัว จากการพานักท่องเที่ยวพาเยี่ยมชมหมู่บ้าน ชุมชน เพื่อชมวิถีชีวิต และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมต่าง ๆ
“โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์” มีพื้นที่ประมาณ 100,000 ไร่ ปลูกต้นสนเป็นหลักเพื่อการอนุรักษ์ ไม่ตัด และส่งเสริมให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการดูแลป่าปลูกข้าวโพด ปลูกถั่ว เมื่อดูแลผลผลิตของตัวเองไป ดูแลเก็บเกี่ยวผลผลิตไปพร้อมกับมีรายได้เป็นค่าตัดหญ้า และไม่มีการตัดต้นไม้ ทำให้ชาวบ้านสามารถอยู่ร่วมกับการปลูกป่าของภาครัฐได้ เป็นวิถีชีวิตที่ยั่งยืน ที่สำคัญป่ายังช่วยโลก ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะโลกร้อนได้ โดยช่วยลดอุณหภูมิให้โลกได้ 4-5 องศาเซลเซียส
เมื่อเร็ว ๆนี้คณะสื่อมวลชนได้มีโอกาสไปตามรอยเส้นทางทริปดังกล่าวนานถึง 3 คืน 4 วัน ได้เที่ยวชมธรรมชาติ วิถีชีวิตของชนเผ่าและอัดแน่นด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์มากมาย ซึ่งเชื่อว่า จะทำให้ผู้ที่มีโอกาสมาเยือนได้ท่องเที่ยวอย่างมีความสุข สนุกสนานและได้รับความประทับใจกลับไป
ความประทับใจเกิดตั้งแต่เริ่มต้นทริป เมื่อได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์บริเวณอ่างเก็บน้ำบ้านห้วยอ้อ ที่มีไอหมอก บาง ๆ ลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ ใกล้ ๆ กันนั้นเป็นอ่างเก็บน้ำโครงการหลวง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมธรรมชาติยามเช้า ทอดยาวต่อเนื่องไปถึงโรงเรือนเพาะชำ ของโครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ อ.อ.ป. ซึ่งเพาะไม้สนสองใบ และสนสามใบ กล้วยไม้และพืชอื่น ๆ สำหรับให้ชาวบ้านที่เป็นสมาชิกของโครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ไปเพาะปลูกได้ฟรี เพื่อส่งเสริมการปลูกป่า
การเข้าชมหมู่บ้านห้วยอ้อ วิถีความเป็นอยู่ วัฒนธรรมของชมเผ่าปาเก่อญอผิงไฟ จิบชา ชมการเลี้ยงหมูแบบธรรมชาติ การเก็บฟืนไว้เพื่อก่อไฟบำบัดความหนาวในฤดูหนาว ชมต้นไผ่ยักษ์ในหมู่บ้าน ชมการปักผ้า ซึ่งเป็นอาชีพเสริมหลังจากทำการเกษตรแล้ว ของชนเผ่าปาเก่อญอ
จากนั้นกราบนมัสการพระธาตุบ้านวัดจันทร์องค์ที่ 2 ชมโบสถ์แว่นตา กราบพระประธานหยกหินอ่อนในโบสถ์ไม้สัก ที่วัดแว่นตา กราบพระธาตุองค์ที่ 1 พระธาตุโค่โพหลู่ บนยอดเขา ชมวิว 360 องศา ของ บ้านวัดจันทร์ Sky Walker
สิ่งที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้มาเยือนอีกอย่างหนึ่งได้แก่ ได้ชม ปลาพลวง ที่ชาวปาเก่อญอนับถือว่าเป็นปลาเทพเจ้า ณ วัดป่าต้นน้ำ (วัดป่าห้วยฮ่าง) เพราะไม่มีใครทราบว่า ปลามาอยู่ในแอ่งน้ำบนเขาได้อย่างไร ในขณะที่ไม่สามารถค้นหาตาน้ำได้พบอีกเช่นกัน
การได้ชมการสาธิตทอผ้าชมร้านจำหน่ายผ้าพื้นเมือง ของพื้นเมืองของชนเผ่าปาเก่อญอ ได้เยี่ยมชมสวนพอเพียงครูเทิดศักดิ์ ซึ่งถือเป็นสวนผสมผสานการทำเศรษฐกิจพอเพียง
การปลูกลูกพลับ ลูกสาลี่ ไผ่หวาน ที่สามารถสร้างรายได้ได้แบบยั่งยืนแยกย้ายกันเข้านอนกอดความหนาว กอดธรรมชาติ ตลอดทั้งคืน
วันที่2 ได้เก็บภาพประทับใจยามเช้าอีกครั้งทั้งบ้านพักวิวน้ำ ฉางข้าว สนเขา ปากาเก่อยอ ก่อนออกเดินทางไปยังบ้านพะตี่ ทองดี ที่ต้องถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญที่หนึ่ง
พะตี่ทองดี เป็นผู้นำชาติพันธุ์ชาวปาเก่อญอ ซึ่งจะให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกกาแฟวัชพืชหลังเขา การปลูกพืชเศรษฐกิจผสมผสาน ชมโรงเรียนสอนการทำกาแฟ การคั่ว การบด การชงกาแฟด้วยกาต้มน้ำแบบฟืน ดื่มกาแฟ สายพันธ์อาราบีก้า พร้อมฟังเพลงพื้นเมือง จากผู้นำชาติพันธ์และนักปราชญ์ชนเผ่าชาวปาเกอะญอ
หลังจากนั้นในช่วงบ่ายเดินทางไปเที่ยวต่อยัง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อยลเสน่ห์ของเมืองปายกันอีกครั้งด้วยการเข้ากราบสักการะพระอุ่นเมือง พระธาตุที่บรรจุพระเกศาพระสุพรรณกัลยา ณ วัดน้ำฮู ชมวิถีความเป็นอยู่ ของชนเผ่ายูนาน พร้อมแวะจิบชาหอมหมื่นสี
ไปเดินขึ้นสะพานบุญ ณ วัดพระธาตุแม่เย็น สักการะพระใหญ่ เพื่อชมความงามของเมืองปายในมุมสูง ออกเดินทางจากปายมาถึงที่พักโครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ อ.อ.ป. พักผ่อนท่ามกลางเสียงจั๊กจั่นเรไรช่วยกล่อม
วันที่ 3 ออกเดินทางจากบ้านพักโครงการหลวงบ้านวัดจันทร์เพื่อไปยังอ.สะเมิง ในจังหวัดเชียงใหม่ บนเส้นทางเชียงใหม่ – หางดง – สะเมิง คดเคี้ยวชวนวิงเวียน ที่กลายเป็นเสน่ห์อีกอย่างของเส้นทางบนที่สูงภาคเหนือ และเป็นเส้นทางธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้ความสนใจไม่เสื่อมคลาย ได้แวะชมที่พัก ที่มีสงบมีมนต์ขลัง The white buffalo และรานอาหาร The Horse Barnที่ที่หลายๆ คนเลือกใช้เป็นสถานที่ในการพบปะสังสรรค์ระหว่างเพื่อนฝูง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าสถานที่แห่งนี้ ตอนกลางวันก็มีเสน่ห์ให้เข้ามาเที่ยวชมเหมือนกันนะ บานปง อ.หางดง
นับว่า เป็นทริปท่องเที่ยวที่ได้หลายอย่าง ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตชาวชนเผ่า อีกทั้งยังได้ตามรอยเบื้องยุคลบาทพระกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัฐกาลที่ 9 ได้เยี่ยมชมโครงการดี ๆ ที่พระองค์ได้เหลือไว้ให้แก่ประชาชนพลเมืองของท่านและประเทศชาติ
ทริปดีๆ มีให้เลือก 2 วัน 1 คืน หรือ 3วัน 2 คืน หรือจะเป็น 4 วัน 3 คืน ติดต่อสอบถามได้ที่ คุณฐิตาภา พินิจไชย 089-0735871