นายกฯ ปลุกคนไทย ร่วมเปลี่ยนผ่านประเทศด้วยดิจิทัล ระบุนายกรัฐมนตรีก็ต้องปรับตัวแม้จะเป็นคนยุคเบบี้บูม พร้อมชวนประชาชน ร่วมงาน “Digital Thailand Big Bang2017” กิจกรรมที่โชว์เทคโนโลยีสุดล้ำจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ให้คนไทยก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว เผย รัฐมุ่งขับเคลื่อนประเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล 3 ด้าน คือ1. เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ขยายเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทุกหมู่บ้าน นำเทคโนโลยีพัฒนาการศึกษา เกษตรร การค้าชุมชนและการบริการภาครัฐ 2. สร้างนวัตกรรมดิจิทัลและ 3.เชื่อมโยงไทยไปสู่โลก
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานมหกรรมการแสดงนิทรรศการนานาชาติเทคโนโลยีดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “Digital Thailand Big Bang 2017” จัดโดย เปลี่ยน จัดโดยกระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ภายใต้แนวคิด “Digital Transformation Thailand เปิดโลก เราปรับ ประเทศเปลี่ยน”
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นเวทีที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมงานมองเห็นภาพการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ “ไทยแลนด์ 4.0”ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนประเทศไทย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส และเชื่อมโยงประเทศไทยสู่เวทีโลก จำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนต้องปรับตัว นายกรัฐมนตรีเองก็ต้องปรับเพื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่เข้ามามีบทบาทกับเราในทุกมิติ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าการเปลี่ยนผ่านไม่ใช่เรื่องง่าย แต่อยากให้ทุกคนพยายามโดยยึดหลัก SPEED of Trust คือ ปรับเปลี่ยนทัศนคติเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานและการดำเนินชีวิตในยุคดิจิทัล


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในปี 2560 รัฐบาลได้ขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่เป็นรูปธรรม 3 ด้าน ได้แก่ ด้านที่ 1 การลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสด้วยการดำเนินโครงการเน็ตประชารัฐ หรือการขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคุลมทุกหมู่บ้านในประเทศที่เชื่อมโยงโรงเรียน โรงพยาบาล เทศบาลตำบลทั้งหมด ซึ่งจะครอบคลุม 74,700 หมู่บ้านทั่วประเทศภายในปี 2561 โดยรัฐบาลได้เร่งต่อยอดโครงการดังกล่าวในหลากหลายมิติ อาทิ การพัฒนา E-Commerce เพื่อให้คนในชุมชนสามารถส่งสินค้าและบริการขึ้นมาขายบนระบบออนไลน์ผ่านระบบออนไลน์ตรง
การพัฒนา E-Health ที่ช่วยให้แพทย์จากชุมชนสามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลศูนย์ในเมืองได้ พร้อมกันนี้การพัฒนา E-Education ที่จะช่วยให้ประชาชน เด็ก คนสูงอายุ ไปจนถึงผู้ด้อยโอกาสมีทักษะและสามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างปลอดภัย การพัฒนา E-Agriculture เริ่มด้วยการสร้าง Smart Farmers หรือผู้ประกอบการเกษตรจากคนรุ่นใหม่ให้เป็นเกษตรกรดิจิทัลและขยายผลมาช่วยคนไทยกว่า 17 ล้านคนที่ยึดอาชีพเกษตรกร เพื่อให้ขายผลิตผลทางการเกษตรเพิ่มขึ้น และการพัฒนา E-Service ประชาชนในชุมชนจะได้รับบริการของรัฐอย่างสะดวก รวดเร็ว ผ่านระบบออนไลน์ หรือ One-Stop Service


ด้านที่ 2 การสร้างนวัตกรรมดิจิทัล โดยรัฐบาลมุ่งเน้นขับเคลื่อนนวัตกรรมดิจิทัลให้เกิดขึ้นในประเทศไทยผ่านโครงการ Digital Park Thailand บนพื้นที่กว่า 600 ไร่ใน อ.ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการลงทุนและการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านดิจิทัลในภูมิภาค ตามนโยบายโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor: EEC ซึ่งจัดภายใน Digital Park Thailand จะช่วยพัฒนาและขับเคลื่อนนวัตกรรมดิจิทัลในหลากหลายมิติ เช่น การพัฒนาวิสาหกิจเริ่มต้นด้านดิจิทัล Digital Startups ,การจัดตั้งสถาบันไอโอที (Internet of Things : IoT) และการพัฒนานวัตกรรมสำหรับ Smart City


ด้านที่ 3 การเชื่อมโยงไทยไปสู่โลก โดยรัฐบาลบูรณาการเชื่อมโยงความร่วมมือกับต่างประเทศทั้งทางกายภาพและแนวปฏิบัติ ซึ่งมีความก้าวหน้าในหลายด้าน เช่น การเชื่อมโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ การอำนวยความสะดวกทางการค้าและการเคลื่อนย้ายแรงงาน โดยรัฐบาลได้เร่งจัดตั้งธุรกิจ Ease of Doing Business ตลอดจนความร่วมมือกับหน่วยงานระดับโลก อาทิ OECD ในเรื่องระบบข้อมูลด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ITU ในการขับเคลื่อนดิจิทัลในเชิงเศรษฐกิจและสังคม และสมาคมสตาร์ทอัพโลก General Entrepreneurship Network หรือ GEN ในเรื่องของการพัฒนาและเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับ Digital Startups ของไทย และการสร้างความมั่นคงปลอดภัยด้านไซเบอร์อีกด้วย


ด้าน ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า การจัดงาน ดิจิทัล ไทยแลนด์ บิ๊กแบง 2017 ในครั้งนี้ เน้นความอลังการของนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยแห่งโลกอนาคต ที่สำคัญเป็นเวทีที่ประเทศไทยจะประกาศศักยภาพการเป็นผู้นำเทคโนโลยีดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส และเชื่อมโยงประเทศไทยสู่เวทีโลก เช่น โครงการเน็ตประชารัฐ หรือ การขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคุลมทุกหมู่บ้านในประเทศที่เชื่อมโยงโรงเรียน โรงพยาบาล เทศบาลตำบลทั้งหมด 74,700 หมู่บ้านภายในปี 2561 พร้อมต่อยอดโครงการด้วยการพัฒนา E-Commerce ให้คนในชุมชนสามารถส่งสินค้าและบริการขึ้นมาขายบนระบบออนไลน์ผ่านระบบออนไลน์ตรง
ประชาชนที่สนใจงาน “Digital Thailand Big Bang 2017” สามารถเข้าชมได้ถึงวันที่ 24 กันยายนนี้ ตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น. บริเวณชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-2 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี