ก.ท่องเที่ยวฯ-สถานทูตอินโดฯจัด
“มหัศจรรย์อินโดนีเซีย” ในไทย
กระทรวงการท่องเที่ยวอินโดนีเซียร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย สำนักงานการท่องเที่ยวภูมิภาคจากจังหวัด Banten, จังหวัด Jakarta และจังหวัด West Sulawesi จัดงานเทศกาล “Wonderful Indonesia Festival” ในกรุงเทพ ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพ ระหว่าง 17-19 พ.ย.60 ในหัวข้อ “เรื่องราวที่ไม่สิ้นสุดของตำนานและดินแดนอันมหัศจรรย์” นำเสนอ 10 สถานท่องเที่ยวใหม่เป็นทางเลือกนอกเหนือจาก เกาะบาหลี หวังดึงต่างชาติเที่ยวอินโดฯเพิ่ม 15 ล้านคนในปี 60 และเพิ่มเป็น 20 ล้านคนในปี 62 ชี้ชาวอินโดฯมาไทยมากราว 5 แสนคนต่อปี ขณะคนไทยเที่ยวอินโดฯเพิ่ม 9 เดือนแรกของปี60นี้เฉียด 8 หมื่นคน
นาย I Gde Pitana รองประธานฝ่ายการตลาดระหว่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวอินโดนีเซียกล่าวว่า งานเทศกาล Wonderful Indonesia Festival ในกรุงเทพ จัดที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์ เนื่องจากเป็นสถานที่ที่มีทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวและถือว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ ที่มีผู้คนมากมายมาเยี่ยมชม การเดินทางสะดวกสบายโดยสามารถใช้รถไฟฟ้าบีทีเอส จากสถานีชิดลมหรือสถานีสยาม
“เรามุ่งมั่นและตั้งใจที่จะนำเสนอมุมมองของประเทศอินโดนีเซียให้คนในกรุงเทพ เพื่อให้พวกเขาได้รู้จักกับประเทศอินโดนีเซียในแง่ของความมีชีวิตชีวาของธรรมชาติและวัฒนธรรมของเรา งานนี้จัดขึ้นไม่เพียง แต่สำหรับคนไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทย เราอยากชักชวนให้ทุกคนมา เที่ยวงานเทศกาล “Wonderful Indonesia Festival ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพ”
กระทรวงการท่องเที่ยวยังคงพยายามที่จะนำเสนอจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวในประเทศอินโดนีเซียให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่คนส่วนใหญ่รู้จักคือ บาหลี มีความงามตามธรรมชาติ อีกทั้งมีความร่ำรวยทางวัฒนธรรม เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวโดดเด่นในอินโดนีเซียและแม้แต่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่อินโดนีเซียยังมีพื้นที่อื่นๆ อีก โดยเฉพาะมีเกาะมากถึง 14,572 เกาะ มีวัดที่มีศิลปวัฒนธรรมสวยงาม มีภูเขาไฟ มีชายหาดที่สวยงามสำหรับผู้ที่ชื่นชอบทะเลและมีแหล่งดำน้ำลึกให้เห็นธรรมชาติสวยงามใต้ทะเล
ดังนั้นนาย Arif Yahya รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวจึงได้ประกาศให้เพิ่มสถานที่ที่น่าสนใจอีก 10 แห่ง เพื่อเป็นทางเลือกอื่นสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จุดหมายปลายทาง 10 แห่ง ดังกล่าว คือ บันดุง, บาหลี,จาการ์ต้า หมู่เกาะเรียว, กลุ่มเมือง Joglosemar ประกอบด้วย เมืองยอร์กยาการ์, เมืองสุราการ์ต้า และ เมืองเซอมารัง,หมู่เกาะอัญมณีแห่งปะการัง ประกอบด้วย วากาโตบี บูนาเกิน และราจาอัมปัต, เมดาน, มากัสซาร์, ลอมบอกและบายูวางี
คาดว่า 10 สถานที่ท่องเที่ยวใหม่เหล่านี้ จะสามารถสนับสนุนการท่องเที่ยวของประเทศอินโดนีเซีย ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 15 ล้านคนในปี 2560 และตั้งเป้าว่า จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านคนในปี พ.ศ. 2562 รวมถึงไทย ซึ่ง จากข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวอินโดนีเซียระบุว่า นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยเดินทางมายังประเทศอินโดนีเซียในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน พ.ศ. 2560 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 79,266 ราย เพิ่มขึ้นเป็นอัตรา 8.09 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
โดยทั้งสองประเทศนี้มีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ใกล้เคียงกัน ระยะเวลาการเดินทางจากประเทศไทยไปถึงจาการ์ตา ใช้เวลาบินเพียง 3 ชั่วโมง 5 นาที เท่านั้น และจากประเทศไทยไปยังเกาะบาหลีใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมง 10 นาทีเท่านั้น
สำหรับงานมหัศจรรย์อินโดนีเซียในประเทศไทย มุ่งเน้นปลายทางการท่องเที่ยว 5 แห่ง ดังกล่าว คือ กลุ่มเมืองเมดาน – อาเจ๊ะ,กลุ่มเมืองจาการ์ตา – บันดุง – บันเติน, กลุ่มเมืองยอร์กยาการ์ตา-โซโล-เซอมารัง, กลุ่มเมือง สุราบายา – มาลัง และ กลุ่มเกาะบาหลี – ลอมบอก จุดหมายปลายทางเหล่านี้จะได้รับการประชาสัมพันธ์ผ่านการเล่าเรื่องและตำนานจากแต่ละปลายทาง เช่น เรื่องราวเกี่ยวกับตำนานของทะเลสาบ Lake Toba เพื่อประชาสัมพันธ์ทะเลสาบโทบาและเมดาน, ตำนาน Lutung Kasarung เพื่อประชาสัมพันธ์เมืองจาการ์ต้า-บันดุง, และตำนานของ Roro Jonggrang เพื่อประชาสัมพันธ์เมืองยอกยาการ์ต้า-โซโล-เซอมารัง
เทศกาลนี้จะมาพร้อมกับแนวคิดที่เป็นเอกลักษณ์และน่าสนใจซึ่งมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่นการแสดงศิลปะและวัฒนธรรม, การแสดงดนตรี, การร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์, การสาธิตทำอาหาร และตลาดนัดแฟชั่น มีกาแฟอินโดนีเซีย , ผ้าบาติก, หนังตะลุง(หุ่นเงา) และเครื่องดนตรีดั้งเดิมอังกะลุง (Angklung) จะถูกนำมาจัดแสดงในงานเทศกาล เพื่อดึงดูดผู้เข้าชมให้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้เช่น การระบายสีเซรามิก, หลากหลายงานฝีมือจากเมือง Malang การประดิษฐ์ตุ๊กตากระดาษ และให้ลิ้มลองรสชาติอาหารแบบดั้งเดิมของอินโดนีเซีย เช่น Kerak Telur (เครปข้าว), Soto Bandung (ซุปที่มีเนื้อสัตว์และผัก), มะตะบะ และอาหารแบบดั้งเดิมอื่น ๆ
ในส่วนของความบันเทิงจะเชิญนักแสดงหญิง คุณสาวิกา ไชยเดช (พิงกี้) ไปร่วมในงานเทศกาลครั้งนี้ มีการแข่งขัน เกมส์, การฉายภาพยนตร์ และสำหรับผู้ที่รักการช็อปปิ้ง พร้อมโซนเสื้อผ้าหัตถกรรมในรูปแบบของอินโดนีเซีย โดยมีหลากหลายร้านค้าที่มาจากอินโดนีเซีย เช่น ร้านShirayas Tenun Garut, Cita Tenun Indonesia, Inderes Batik, Roemah Batik Cirebon, Limpapeh Kebaya, Lungsin Tas Tangan และผู้ขายอื่น ๆ ร่วมอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศอินโดนีเซียที่จะจัดขึ้นในงานนี้อีกด้วย ร่วมด้วยสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) สายการบิน Thai AirAsia และ สายการบิน Thai Lion Air
แหล่งท่องเที่ยวเด่น
1.Medan เมดาน เป็นเมืองใหญ่ของเกาะสุมาตราเหนือ ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะสุมาตรา เมดานเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของประเทศอินโดนีเซีย เป็นเมืองการค้าที่มีผู้คนเนืองแน่นอยู่รอบ ๆ เกาะซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับช่องแคบ เป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เมดานเป็นประตูสู่ฝั่งตะวันตกของอินโดนีเซีย มีชื่อเสียงด้านทะเลสาบโทบา (Toba Lake) ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมงไปทางเหนือคุณจะมาถึงเมืองอาเจะห์
Aceh อาเจะห์ เป็นพื้นที่พิเศษของอินโดนีเซีย ดินแดนนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของเกาะสุมาตรา จังหวัดอาเจะห์เป็นดินแดนที่มีประวัติศาสตร์ของศาสนาอิสลาม นอกเหนือจากประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแล้วเมือง Aceh ยังมีชื่อเสียงในด้านแหล่งดำน้ำ ในเกาะ Sabang และ เกาะ Weh
จุดเด่นใน เมดาน – อาเจะห์:
สถานที่น่าสนใจ ทะเลสาบโทบา พิพิธภัณฑ์ Tjong A Fie พิพิธภัณฑ์สึนามิ หมู่บ้าน Lampulo เกาะ Weh Island
– อาหาร ก๋วยเตี๋ยว Gomak ,Babi Panggang Karo (หมูย่างคาโร่) ,Arsik ,Mie Aceh (ก๋วยเตี๋ยว Aceh) และ Ayam Tangkap
งานเทศกาล : การแล่นเรือ Sabang ( ช่วงวันที่ 28 พฤศจิกายน – 5 ธันวาคม 2560 ), เทศกาลทะเลสาบโทบา Toba Lake (ช่วงเดือน กันยายน)
2.จาการ์ตา เป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย จาการ์ตาเป็นมหานครที่ใหญ่ และได้ขยายอย่างต่อเนื่อง เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับ กรุงจาการ์ตามีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายซึ่งดึงดูดผู้เข้าชม มีสถานบันเทิงยามค่ำคืนสถานที่ทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่แฟชั่นไฮเอนด์ไปจนถึงวัฒนธรรมดั้งเดิมของเมือง Betawi ซึ่งเป็นจุดหลอมรวมของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
ห่างจากกรุงจาการ์ตาไปทางตะวันตกเพียง 2-3 ชั่วโมง คุณจะพบเมือง บันดุง สามารถเดินทางไปโดยใช้รถบัสหรือรถไฟ สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วบันดุงเป็นแหล่งช้อปปิ้ง เป็นเมืองที่มีสถานที่ให้เพลิดเพลินกับศิลปะความคิดสร้างสรรค์ในพื้นที่ อีกทั้งมีอาหารเลิศรสมากมายในบรรยากาศที่เย็นสบาย Banten เป็นจังหวัดที่อยู่ทางด้านตะวันตกบนเกาะชวาในประเทศอินโดนีเซีย เมืองหลวงของจังหวัดคือ Serang โดยเมือง Banten เป็นประตูสู่กรุงจาการ์ตาซึ่งมีสนามบินนานาชาติ Soekarno Hatta ตั้งอยู่ในจังหวัด Banten อีกทั้งเป็นที่ตั้งของแหล่งมรดก: อุทยานแห่งชาติ Ujung Kulon และหมู่บ้าน Baduy คนดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ที่นี่ เมือง Banten ยังมียอดเขา Krakatau ที่เคยมีการปะทุรุนแรงในปี ค.ศ. 1883
จุดเด่นในจาการ์ต้า – บันดุง – บันเติน:
สถานที่น่าสนใจ ป่าโกงกาง ,เมืองเก่าจาการ์ตา ,ภูเขา Gunung Gede Pangrango,ภูเขา Anak Krakatau,ชายหาด Tanjung Lesung,ปฎิมากรรมก้อนหินWot Batu,ทะเลสาบ Glamping
อาหาร ซาบัง Sabang Street food ,คาเฟ่ Lawangwangi Creative Space & Café และกาแฟ Giyanti
งานเทศกาล: เทศกาลคลังสินค้าของ Djakarta (15 – 16 ธันวาคม 2560 ) ,สุดยอดงานขายในจาการ์ตา (มิถุนายน – กรกฎาคม),เทศกาลถนนเอเซีย- แอฟริกา Asia Africa Carnival (พฤษภาคม)และ เทศกาลของ Tanjung Lesung (กันยายน)
3.Joglosemar เป็นการเชื่อมต่อกับสามเมืองในเขตพิเศษของจังหวัด Yogyakarta และจังหวัดชวากลางซึ่ง ได้แก่ ยอร์กยาการ์ตา-โซโล-เซอมารัง
- ยอคจาการ์ตาเรียกอีกชื่อว่า Jogja หรือที่เรียกว่าเอเชียที่ไม่มีที่สิ้นสุด เมืองนี้เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอินโดนีเซีย Jogja ยังมีความงดงามตามธรรมชาติที่น่าหลงใหล อนุสาวรีย์ที่น่าสนใจของอารยธรรมมนุษย์ และประเพณีทางวัฒนธรรมที่เก็บรักษาไว้อย่างดี นอกเหนือจากวัฒนธรรมที่อนุรักษ์กันมาแล้ว Jogja ยังมีสถานที่ที่ท้าทายสำหรับนักผจญภัยเช่น การปีนยอดเขา, เล่นกระดานบนทราย,การลอดถ้ำ
- Solo ที่รู้จักกันในชื่อเมืองน้องของ Yogyakarta Solo เป็นส่วนหนึ่งของ Central Java เรียกอีกอย่างว่า Surakarta Solo ตั้งอยู่ตามแม่น้ำที่ยาวที่สุดในเกาะชวาซึ่งเป็นแม่น้ำ Bengawan Solo ที่มีชื่อเสียง มีพระราชวัง 2 หลังในเมืองเดียว( Kraton of Solo) และ (Mangkunegaran) อาณาเขต Solo เป็นจุดยืนของวัฒนธรรมและประเพณีของชาวชวา ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือผ้าบาติก และยังผลิตบุหรี่,ยาสมุนไพรและผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเบาต่าง ๆ
- Semarang ตั้งอยู่ในภาคเหนือของประเทศชวา ตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ของ Semarang นี้ทำให้เมืองกลายเป็นแหล่งหลอมรวมของวัฒนธรรมจีนอินเดียอาหรับและยุโรป ถ้าเราเดินรอบย่านจีนและย่านการค้าชาวดัตช์เราจะเห็นอิทธิพลของวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป ในส่วนที่เก่ากว่าของเมืองใกล้กับท่าเรือชื่อ Kota Lama สามารถเดินเล่นรอบ ๆ เพื่อสำรวจอาคารเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นหนึ่งในย่านการค้าของยุโรป ที่ราบสูง Dieng เป็นภูเขาไฟที่มีความสูง 2,093 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นสถานที่ที่สามารถชมความงดงามของพระอาทิตย์ขึ้น
จุดเด่นใน Joglosemar:
– สถานที่น่าสนใจ
- ย่านการค้า Malioboro
- พระราชวัง Yogyakarta Royal Palace
- ภูเขาไฟ Merapi
- ภูเขา Besek
- หมู่บ้านสายรุ้ง
- เมืองเก่าเซมารัง
- หุ่นกระบอก Papermoon
– อาหาร
- ร้านอาหาร Jejamuran
- ร้านอาหารRaminten
- ถนน Sudirman Street Food
- อาหารที่ทำจากขนุนอ่อน Gudeg
- อาหารที่ปรุงจากกะทิ Garang Asem
- ขนมหวาน Lumpia
-งานเทศกาล:
- เทศกาลวันวิสาขบูชาที่ บูโรพุทโธ (พฤษภาคม)
- งานแสดงรถโบราณ Kustomfest (ตุลาคม)
- ศิลปะการแสดง Solo International (กันยายน)
- เทศกาลวัฒนธรรม Dieng (สิงหาคม)
4.Surabaya สุราบายาเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองของอินโดนีเซีย รองจากกรุงจาการ์ตา ตั้งอยู่ในจังหวัดชวาตะวันออก เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่ทันสมัยซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวช้อปปิ้ง พิพิธภัณฑ์ กอล์ฟอาหารรสเลิศและวิถีชีวิตกลางคืนของคนในเมืองนี้ ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง จากสุราบายา เราสามารถเดินทางมาถึง เมือง Malang ซึ่งเป็นเมืองที่มีสภาพภูมิอากาศดี และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่เหมาะกับวันผักผ่อนของครอบครัว Malang การท่องเที่ยวเชิงเกษตร และเป็นแหล่งปลูกแอปเปิ้ลที่เป็นที่รู้จัก สำหรับแอปเปิ้ลได้กลายเป็นไอคอนของเมืองนี้ และทางตะวันออกของเมืองนี้ คุณยังสามารถไปชมภูเขาไฟโบรโม Mount Bromo ที่มีปล่องภูเขาไฟสวยงาม อีกทั้งยังมีกลุ่มชน Ijen และ Tenggerese ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นลูกหลานของชนชั้นสูงของ Majapahit
จุดเด่นในสุราบายา – มาลัง:
– สถานที่น่าสนใจ
- ภูเขาไฟ Bromo
- สวน Jatim
- พิพิธภัณฑ์การขนส่ง
- หมู่บ้าน Ngadas
- หมู่บ้านสีรุ้ง
– อาหาร
- ขนมครก
- ซุปเนื้อ Rawon
- แอปเปิ้ล Struddle
-งานเทศกาล:
- แฟชั่นคาร์นิวัลJember (สิงหาคม)
- งานดนตรีแจส Bromo Mountain Jazz (กรกฎาคม)
5. Bali เกาะบาหลีเป็นเกาะแห่งเทพเจ้า บาหลีเป็นเกาะที่มีเสน่ห์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวหลงใหล จนเป็นที่เรียกขานว่าสวรรค์ของผู้มาเยือน บาหลีมีความหลากหลายในทุกมุมตั้งแต่หมู่บ้านดั้งเดิมที่เงียบสงบจนถึงหน้าผาที่สวยงาม แม้จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมาก บาหลีก็ยังรักษาวัฒนธรรมและประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ไว้ซึ่งทำให้ผู้มาเยือนอยากกลับมาเยือนอีกครา
Lombok ลอมบอก เป็นเกาะที่อยู่ติดกับบาหลี มีทัศนียภาพที่สวยงามโดดเด่น มีประเพณีทางวัฒนธรรมสำหรับคนรุ่นต่างๆที่สัญญาว่าจะอนุรักษ์ไว้ อีกทั้งยังมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ยิ่งไปกว่านั้นการต้อนรับอย่างอบอุ่นและอาหารที่เลิศรส อาจจะทำให้คุณอยากกลับมาเยือนอีกครา การเดินทางเพียง 1-2 ชั่วโมงจากบาหลี
จุดเด่นบาหลี – ลอมบอก:
– สถานที่น่าสนใจ
- ชายหาด Nusa Lembongan
- จุดชมวิว Puncak Wanagiri
- สวนสาธารณะ Taman Nusa
- ชายหาด Senggigi
- เกาะกิลี
– อาหาร
- ชายหาด La Plancha
- โรงงานช็อกโกแลต Pod
- ร้านอาหารสเปน El Kabron
-งานเทศกาล:
- เทศกาลศิลปะบาหลี (สิงหาคม)
- เทศกาลภูเขาไฟ Rinjani 100 Ultra (พฤษภาคม)
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่ : www.indonesia.travel
ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก-https://www.youtube.com