“SNAIL8” ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
จากหอยทากสายพันธุ์ไทย
“สยามสเนล” รุกตลาดครีมหอยทาก “สเนลเอท” (SNAIL8) กระตุ้นคนไทยใช้ผลิตเครื่องสำอางค์คนไทยที่มีคุณค่าด้านดูแลบำรุงผิวพรรณสูงกว่าสินค้าต่างชาติ30 เท่าและราคาไม่แพง ด้วยคุณค่าผลงานวิจัย “การใช้เมือกหอยทากสายพันธุ์ไทยในอุตสาหกรรมความงาม” โดยทีมนักวิจัย คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำสารเมือกหอยทากสู่การใช้ประโยชน์ พร้อมทำฟาร์มเพาะเลี้ยงจริงจังสู่การผลิตอย่างยั่งยืน มีศักยภาพผลิตเมือกอยู่ที่ 5-10ตัน/ปี เปิดโปรโมชั่นใหม่จูงใจ “ช้อปช่วยชาติ” ซื้อผลิตภัณฑ์ยามนี้สามารถลดหย่อนภาษีได้สูง 15,000 บาท หวังกระตุ้นยอดขายทะลุเป้า 100 ล้านบาทในปี 60นี้ ปีหน้าตั้งเป้าเพิ่มเป็น 200 ล้านบาท อนาคตดันเป็นแลนด์มาร์คใหม่สำหรับแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เป็นแหล่งความรู้ของนักเรียน เชื่อมโยงนักวิชาการ
ศ.ดร.สุพจน์ หาญหนองบัว กรรมการผู้จัดการบริษัท สยาม สเนล จำกัด เปิดเผยว่า ในทุกวันนี้กระแสเมือกหอยทากกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเกาหลี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเครื่องสำอางชื่อดังประเทศหนึ่งของโลก และได้คิดค้นผลิตครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของเมือกหอยทากขึ้น จนได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า มียอดขายถล่มทลายทั่วโลก
เมืองไทยของมีหอยทากสัญชาติไทยชนิดหนึ่ง ชื่อ “หอยทากนวล” (Hemiplecta Distincta)เป็นหอยทากที่พบมากแถบภาคอีสานและภาคเหนือของไทย รวมทั้ง ประเทศเพื่อนบ้านในแถบอินโดจีนด้วย มีเมือกที่อุดมไปด้วยสารธรรมชาติหลายชนิด มีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวพรรณ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา จึงช่วยรักษาสิวได้ดี มีสารออกฤทธิ์ต้านเชื้อโรคที่อยู่ในเขตร้อน ทำให้เหมาะกับสภาพผิวของคนไทยและคนเอเชีย การนำเมือก “หอยทากนวล” มาทำการศึกษาและวิจัยอย่างเป็นระบบ ผ่านกระบวนการสกัดออกมาได้เป็นเซรั่มเมือกหอยทากบริสุทธิ์ ที่มีความเข้มข้นกว่าตามท้องตลาดทั่วไปถึง 30 เท่า ภายใต้ชื่อแบรนด์ว่า “Siam Snail” (สยาม สเนล)
ศ.ดร.อัญชลี ทัศนาขจร อาจารย์ด้านชีวเคมี เปิดเผยว่า กล่าวว่า จากการศึกษาวิจัยได้เห็นจริงว่า สารในเมือกจากแมนเทิลมีประโยชน์จึงอยากทำให้ใช้ได้จริง โดยมีประโยชน์ 8 อย่าง ได้แก่ ช่วยลดเลือนริ้วรอย ฟื้นฟูสภาพผิว ลดความหมองคล้ำ ทำให้กระจ่างใส ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว กระชับรูขุมขน ต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องผิวให้อ่อนเยาว์และป้องกันการเกิดสิวและการอักเสบ
เพื่อให้เกิดความยั่งยืนได้ทำฟาร์มเพาะเลี้ยงหอยทากพันธุ์ไทยโดยจำลองแบบระบบนิเวศที่หอยทากชอบ เพื่อให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขบนพื้นที่ 3 ไร่ กินอาหารจำพวกเห็ดเป็นหลักและได้อยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้ที่โปรดปราน เช่น ใบเตย กล้วยและอื่น ๆ
ด้านศ.ดร.กฤษณะ เนียมมณี หัวหน้าภาควิชาคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์เปิดเผยว่า หอยทากจะสามารถเริ่มใช้ประโยชน์ได้เมื่ออายุประมาณ 2 ปี โดย 1 ตัว สามารถผลิตน้ำเมือกให้ราว 1 มล. ปัจจุบันศักยภาพในการรีดเมือกของบริษัทอยู่ที่ 5-10 ตันต่อปี มีการเจรจาเพื่อจะนำไปขายแถบประเทศเพื่อนบ้านบ้าง โซน CLMV และในยุโรป อยู่ระหว่างกำลังศึกษาเพื่อทำมาตรฐานก่อน
ทั้งนี้ในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมการบำรุงผิว SNAIL8 มีผลิตภัณฑ์หลายอย่าง อาทิ เซรั่มบำรุงผิวจากคุณค่าแท้เมือกหอยทากเฉพาะจากส่วนแมนเทิลสูตรเข้มข้น, เซรั่มบำรุงผิวเข้มข้นสูตรไวท์เทนนิ่ง,ครีมบำรุงผิวแอนไทเอจจิ้ง (เดย์ครีม)จากคุณค่าแท้เมือกหอยทากเฉพาะจากส่วนแมนเทิล ,ครีมบำรุงผิวแอนไทเอจจิ้ง (ไนท์ครีม) จากคุณค่าแท้เมือกหอยทากเฉพาะจากส่วนแมนเทิล ,ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า สูตรเข้มข้น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าลดเลือนริ้วรอย (มาส์กแผ่น) สูตรเข้มข้น และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าเพื่อผิวกระจ่างใส (มาส์กแผ่น) สูตรเข้มข้น
นางธาริณี กาญจนะวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัทสยามสเนล จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์SNAIL8 วางจำหน่ายที่ร้านวัตสันทุกสาขา, โอสถศาลา ซึ่งเป็นร้านขายยาของคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ, วุฒิศักดิ์ คลินิก ทุกสาขา, save drug ทุกสาขา และที่คิงเพาเวอร์ รางน้ำ รวมทั้งยังจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เฟซบุ๊กของสเนลเอท และลาซาด้า
“เมื่อปีที่ผ่านมาเราผลิตในแบรนด์สยามสเนล และจำหน่ายภายในจุฬาฯ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก จนทำมาได้ปีกว่า บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในวุฒิศักดิ์ คลินิก ได้เข้ามาร่วมลงทุนและถือหุ้นเป็นสัดส่วน 50% ส่วนกลุ่มผู้เริ่มก่อตั้งยังถือหุ้นอยู่สัดส่วน 50% โดยผู้ร่วมทุนรายใหม่มีเป้าหมายอยากจะขยายสเนลเอท ไปสู่ตลาดโลก หลังจากมีผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ามา จะทำให้เราสามารถทำแผนการตลาดและขยายผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น
ในอนาคตยังสามารถเพิ่มผลิตภัณฑ์ให้ครบไลน์ นอกจากจะมีซีรั่มแล้ว ก็จะเพิ่มตัวคลีนเซอร์ และกลุ่มสกินแคร์ทั้งหมด นอกจากนี้ยังสามารถพัฒนาสูตรไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชาย หรือผลิตภัณฑ์สำหรับบอดี้ได้อีก จากขณะนี้เราจะเน้นผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้า”
ด้านยอดขาย เมื่อปี 2015 ซึ่งเป็นการผลิตและจำหน่ายกันเองมียอดขายประมาณ 20 กว่าล้านบาท และในปี2559หลังจากมีผู้ถือหุ้นใหม่ ได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ ขยายตลาดมากขึ้น และทำแบรนดิ้ง ตั้งเป้ายอดขายปี2560ไว้ที่100 ล้านบาทและในปีหน้า2561 จะขยายเพิ่มเป็นเท่าตัว 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว ทั้งนี้ได้จัดให้มีโปรโมชั่นตามโครงการช้อปช่วยชาติสำหรับผู้ซื้อในช่วงนี้ โดยสามารถนำใบเสร็จลดหย่อนภาษีสู่งถึง15,000 บาท
ส่วนการลงทุนที่ผ่านมา บริษัทใช้เงินลงทุนไปแล้วมากกว่า 50 ล้านบาท ในจำนวนนี้ 30 ล้านบาทเป็นการลงทุนสร้างฟาร์ม หอยทาก ซึ่งเป็นฟาร์มแบบกึ่งธรรมชาติ รวมทั้งโรงรีดเมือก โรงกรองเมือกและผลิตเมือก ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้จะผลิตในประเทศไทยทั้งหมด จากนั้นจะส่งไปยังโรงงานผลิตที่เกาหลีใต้
ด้าน ศาสตราจารย์ ดร. สมศักดิ์ ปัญหา อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า หอยทากสายพันธุ์ไทยมีอยู่ 600 กว่าสายพันธุ์ ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษที่มากกว่าหอยทากสายพันธุ์ จากต่างประเทศ เนื่องจากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต้องเผชิญเชื้อโรคในเขตร้อน จึงมีสารที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อโรค ที่มีความหลากหลายได้ดีกว่า และเมื่อเปรียบเทียบความเข้มข้นของเมือกหอยทากพบว่า เมือกหอยทาก สายพันธุ์ไทยมีสารสำคัญที่ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าเมือกหอยทากสายพันธุ์ต่างประเทศถึง 30 เท่าตัว
ผลงานวิจัยจากหิ้งสู่ห้างนี้รับรางวัลมาตรฐานระดับนานาชาติ สำหรับแบรนด์สเนลเอท เป็นเจ้าเดียวที่ใช้สารสกัดจากเมือกหอยทากสายพันธุ์ไทยแท้ๆ ซึ่งก็ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติมาแล้ว รางวัลแรกที่ได้รับคือ จากสำนักวิจัยคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) รางวัลมาตรฐานระดับนานาชาติ อาทิ คว้าเหรียญทองในงาน 44th International Exhibition of Invention of Geneva ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมของประเทศไทย Premium Products of Thailand-The Pride of Thais ในงาน THAILAND INDUSTRY EXPO 2016