Innovation Corner.ทีมเบต้ามิลค์เจ๋ง
ชู ‘นมผสมสารเปลือกแก้วมังกร’
เยาวชนไทย มีฝีมือสร้างสรรค์นวัตกรรมให้เห็นกันอยู่มากมาย และไม่ผิดหวังจริง ๆ สำหรับ “ทีม เบต้า มิลค์” จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ที่มีผลงานเข้าตากรรมการ “นมพร่องไขมันรสสารสกัดเปลือกแก้วมังกร” จนสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศด้านลดของเหลือใช้ เป็นเงินรางวัล 40,000 บาทจากเวที “Food Innopolis Innovation Contest 2017” ชิงถ้วยประทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ที่ทาง สวทน. โดยโครงการเมืองนวัตกรรมอาหาร หรือ ฟู้ดอินโนโพลิส ร่วมกับ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัดจัดขึ้น เป็นนวัตกรรมนอกจากแปลงขยะเปลือกแก้วมังกรเหลือทิ้งหลังการบริโภคราว180 ตันต่อปี ให้เป็นสารมีคุณค่า ผลิตเป็นนมเพื่อสุขภาพ
“ทีม เบต้า มิลค์” จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เปิดเผยว่า ภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร ร่วมกับภาควิชาการตลาดและผู้ประกอบการร่วมกันพัฒนา “นมพร่องไขมันรสสารสกัดเปลือกแก้วมังกร” ขึ้น โดยมองเห็นว่า เปลือกแก้วมังกรที่เหลือจากการนำเนื้อออกไปแล้วถูกทิ้งอย่างไร้คุณค่าและน่าจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทำให้มีคุณค่าขึ้น โดยมีการศึกษาพบว่า ชาวไทยบริโภคแก้วมังกรเฉลี่ยที่ 6,000 ตันต่อปีและมีเปลือกเหลือทิ้งประมาณ 180 ตันต่อปี ซึ่งเปลือกแก้วมังกรนั้น มีสารที่มีคุณค่าสูงอย่าง “เบต้าไซยานิน” ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซีและชาเขียว นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยต้านไวรัสและจุลินทรีย์
จากเหตุดังกล่าวทีมเบต้า มิลค์ จึงนำเปลือกแก้วมังกรจากโรงงานที่รับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรที่ปลูกแบบอินทรีย์มาผ่านกระบวนการเพื่อสกัดสารจากเปลือกแก้วมังกรออกมา โดยนำไปคั้นน้ำ ผสมแป้งส่วนหนึ่งและผ่านกรรมวิธีสเปรย์ดรายออกมาในรูปผง จากนั้นนำไปเป็นสารปรุงแต่งในนมผ่านกระบวนการที่เรียกว่า โฮโมจิไนเซชั่น ก่อนนำไปฆ่าเชื้อแบบพาสเจอไรซ์ จน ได้เป็นนมเพื่อสุขภาพ (Functional Milk) ออกมา ตั้งเป้าสำหรับคนวัย 20 ปีขึ้นไปดื่มเพื่อรองท้อง
ถือเป็นนวัตกรรมการแปรรูอของไม่มีประโยชน์ให้เป็นประโยชน์และเป็นเจ้าแรกในตลาดที่เติมสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ในน้ำนมวัว โดยภาพรวมคือ เป็นนมวัวพาสเจอร์ไรซ์ไขมันต่ำที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ มีฤทธิ์ยับยั้งการกลายพันธุ์ของเซลล์มะเร็งและลดหรือชะลอความเสี่ยงสมองเสื่อม อีกทั้งยังเป็นผลงานนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทย ช่วยลดปริมาณขยะลดลงและเหนือสิ่งอื่นใดคือ เป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่มุ่งช่วยให้สุขภาพของผู้คนดีขึ้น
“ทีม เบต้า มิลค์” ยังเปิดเผยว่า ในอนาคตคาดว่าจะมีการต่อยอดผลิตภัณฑ์สำหรับผู้แพ้แลกโตส หรือน้ำตาลในน้ำนม ทำผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุในโอกาสที่ประเทศไทยกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ นอกเหนือจากนี้สารสกัดจากเปลือกแก้วมังกรยังมีโอกาสในทางธุรกิจอีกหลายอย่าง รวมถึง การนำไปใช้ผสมในน้ำสลัด ทำโยเกิร์ต ทำไอสครีม เบเกอรีและในเครื่องสำอาง เป็นต้น
ส่วนนมที่ผลิตได้นั้น ตั้งราคาไว้ที่ขวดละ 25 บาท ซึ่งตั้งเป้าวางขายตามห้างโมเดิร์นเทรดทั่วไป
ทั้งนี้การประกวดนวัตกรรมอาหาร “Food Innopolis Innovation Contest 2017” ชิงถ้วยประทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) สวทน. โดยโครงการเมืองนวัตกรรมอาหาร หรือ ฟู้ดอินโนโพลิส ร่วมกับ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยมี เงินรางวัลเป็นมูลค่ารวมกว่า 400,000 บาท และยังเปิดโอกาสเดินทางพาไปศึกษาดูงานประเทศญี่ปุ่น
เวทีนี้จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการพัฒนาความรู้ของนิสิต นักศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหารให้แสดงออกด้านความรู้ ความสามารถทางวิชาการและนำมาบูรณาการเป็นผลิตภัณฑ์อาหารนวัตกรรมที่ดี ช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอาหารของประเทศ
ในปี 2560 มีนิสิต นักศึกษาทั้งหมด 72 ทีมที่ส่งผลงานเข้าประกวด และเราได้คัดเลือกให้เหลือเพียง 16 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบ การประกวดครั้งนี้ และ ทีม เบต้า มิลค์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี คว้ารางวัลชนะเลิศด้านลดของเหลือใช้ของปัจจัยต่างๆ ในการผลิต ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ หรือกระบวนการ มาครอง ไดสำเร็จ ได้รับเงินรางวัล 40,000 บาท