สธ.-ศธ.ชูระบบบริการตามยุทธศาสตร์
ตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์
รมว.สธ. พร้อมด้วยรมช.ศธ. ร่วมพัฒนาด้านวิชาการ ระบบบริการ การวิจัย ของเขตสุขภาพ กับ 19 คณะแพทยศาสตร์ พัฒนา 3 เรื่อง ทั้งด้านวิชาการ ระบบบริการ และการวิจัยที่เหมาะกับพื้นที่ ตามยุทธศาสตร์จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ครอบคลุม 5 สาขา ทั้งการผ่าตัดหัวใจ อุบัติเหตุ ทารกแรกเกิด มะเร็ง และการปลูกถ่ายอวัยวะ ได้มาตรฐาน แบบไร้รอยต่อ ประชาชนเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพ สะดวก รวดเร็ว
ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พลเรือเอก จุมพล ลุมพิกานนท์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ประชุมถอดบทเรียนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ในภาพรวมของประเทศ ระยะยาว (5 – 10 ปี) เป็นความร่วมมือในการจัดบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ระบบส่งต่อที่มีคุณภาพมาตรฐานภายในเขตสุขภาพแบบไร้รอยต่อ การพัฒนาบุคลากร และการวิจัยทางการแพทย์และสาธารณสุข
ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ความคืบหน้าการลงนามกรอบความร่วมมือระหว่าง 12 เขตสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กับ 20 คณะแพทยศาสตร์ ของ 19 มหาวิทยาลัย สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงกลาโหม และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2559 ในการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านการแพทย์ พบว่าทุกเขตสุขภาพ ได้ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ในพื้นที่ พัฒนาใน 3 เรื่อง ทั้งด้านวิชาการ ระบบบริการ และการวิจัยที่เหมาะสมกับสภาพปัญหาและบริบทของแต่ละพื้นที่ ตามยุทธศาสตร์การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ที่ร่วมกันจัดทำขึ้น ครอบคลุมความเชี่ยวชาญใน 5 สาขา ได้แก่ การผ่าตัดหัวใจ อุบัติเหตุ ทารกแรกเกิด มะเร็ง และปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น โรงพยาบาลขอนแก่น ร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น บริการผ่าตัดหัวใจ สามารถลดอัตราตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจน้อยที่สุด อันดับ 1 ของประเทศ ขณะเดียวกันยังช่วยลดระยะเวลารอคอยการผ่าตัดหัวใจจาก 8 เดือน เหลือ 6 เดือน และเกิดการผลิตพัฒนาบุคลากรในหลากหลายหลักสูตร อาทิ เวชศาสตร์ชุมชน แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว (Family Medicine) พยาบาลเฉพาะทาง เป็นต้น
พร้อมทั้งมอบให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้ตรวจราชการทุกเขตสุขภาพ หารือกับคณะแพทยศาสตร์ ร่วมกันกำหนดการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศ และกำหนดเป็นตัวชี้วัดให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในระยะ 1 ปี อย่างน้อยเขตละ 1 เรื่อง
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ฯ ได้ผ่านการเห็นชอบในหลักการจากคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา โดยให้กระทรวงสาธารณสุข จัดทำแผนการดำเนินงานระยะ 3 ปีแรก จัดลำดับความสำคัญ และปรับลดจาก 20 ศูนย์ เป็น 6 ศูนย์ตามเขตการปกครอง 6 ภาค ขณะนี้ อยู่ระหว่างการปรับรายละเอียดเพื่อเสนอคณะกรรมการ และคาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมีนาคมนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพ สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น