ธพว.เปิดโครงการสร้างบ้าน-อาชีพ
ลูกค้าธอส. ได้สินเชื่อดอกเบี้ยถูก
SME Development Bank ประกาศเดินหน้า“โครงการสร้างบ้านสร้างอาชีพ” สนับสนุนลูกค้า ธอส. เข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยถูก 1% และ 3% เพื่อนำไปใช้ประกอบอาชีพ ตั้งเป้าถึงแหล่งทุน 20,000 ราย วงเงินกู้ตั้งแต่ 2 แสนบาทถึง 2 ล้านบาทต่อราย หนุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากเติบโตแข็งแกร่งและยั่งยืน เช่น สินเชื่อเศรษฐกิจติดดาววงเงิน 50,000 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยเพียง 3% คงที่ 3 ปี ผ่อนชำระได้นานถึง 7 ปี สามารถใช้ บสย.ค้ำประกันฟรี 4 ปีแรก สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวท่องเที่ยวชุมชนหรือธุรกิจที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (CIV) หรือกลุ่มอาชีพบริการในชุมชน กลุ่มธุรกิจเกษตรแปรรูป ทั้งที่เป็นอาหารและไม่ใช่อาหาร
นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ( ธพว. หรือ SME Development Bank) กล่าวว่า จากที่ธนาคารได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการสร้างบ้านสร้างอาชีพ” กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อร่วมกันสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายในระดับฐานราก(Local Economy) โดยจะสนับสนุนให้ลูกค้าของ ธอส. ซึ่งมีฐานกว่า 1 ล้านราย ที่ต้องการเงินทุนไปประกอบอาชีพสามารถมาขอสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษกับธนาคารได้โดยไม่ต้องนำบ้านมาใช้เป็นหลักประกัน
ขณะนี้ ธนาคารเตรียมความพร้อมไว้บริการทุกด้านแล้ว ทั้งทีมงาน และสินเชื่อดอกเบี้ยถูกได้แก่ สินเชื่อเศรษฐกิจติดดาววงเงิน 50,000 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยเพียง 3%คงที่ 3 ปี ผ่อนชำระได้นานถึง 7 ปี สามารถใช้ บสย.ค้ำประกันฟรี 4 ปีแรก กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนเพียง 460 บาทต่อวัน สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวท่องเที่ยวชุมชนหรือธุรกิจที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (CIV)เช่น โฮมสเตย์ บูติคโฮเต็ล ร้านอาหาร ผลิตขนมท้องถิ่น เป็นต้น กลุ่มอาชีพบริการต่างๆ ที่อยู่คู่ชุมชน ตัวอย่างเช่น 10 อาชีพ ดังนี้ 1.ช่างตัดผม 2.ช่างเสริมสวย 3.ช่างตัดเสื้อ 4.ซ่อมรถยนต์/รถจักรยานยนต์ 5.ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า 6.ช่างซ่อมประปา/ไฟฟ้า 7.ช่างไม้/เฟอร์นิเจอร์/ประกอบเรือ 8.ซ่อมคอมพิวเตอร์/สมาร์ทโฟน 9.ช่างตีเหล็ก และ 10.ทำดอกไม้ประดิษฐ์ เป็นต้น รวมถึงกลุ่มธุรกิจเกษตรแปรรูป ทั้งอาหารและไม่ใช่อาหาร เช่น ผลิตภัณฑ์สปา ผลไม้อบแห้ง เครื่องดื่มสมุนไพร และเครื่องสำอาง เป็นต้น
สินเชื่อเถ้าแก่ 4.0 วงเงิน 8,000 ล้านบาท สำหรับผู้กู้ที่ขอจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล (บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล) คิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 1% คงที่ตลอดระยะเวลาผ่อนชำระนานถึง 7 ปี ปลอดชำระเงินต้น 3 ปีแรก เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่มีปัญหาทางการเงินสามารถกู้ได้ (แม้เคยปรับโครงสร้างหนี้ หรือผ่อนชำระไม่ต่อเนื่องมาก็ตาม) สำหรับลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ และใช้เป็นเงินหมุนเวียน โดยไม่ต้องใช้ บสย. หรือบ้านมาค้ำประกัน
และสินเชื่อสร้างอาชีพวัยเก๋าวงเงิน 1,000 ล้านบาท เปิดโอกาสผู้ประกอบการอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป รวมระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดถึงอายุ 75 ปี นำไปเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ต่างๆ เพื่อสร้างรายได้หลังเกษียณอายุจากการทำงานประจำ เช่น เปิดร้านกาแฟ ทำฟาร์มสัตว์เลี้ยง ธุรกิจเกษตรอินทรีย์ ฯลฯ รวมไปถึงลงทุนซื้อ “แฟรนไชส์” ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำในการประกอบธุรกิจ รวมถึงนำใช้ปรับปรุงกิจการเดิมให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถแข่งขันในธุรกิจได้
นอกจากนั้น ธนาคารอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องการสินเชื่อ โดยเปิดบริการยื่นขอสินเชื่อผ่านออนไลน์ (https://coreportal.smebank.co.th/) เพียงสแกน QR ตามจุดต่างๆ ที่ธนาคารนำป้ายสแกนไปติดตั้งไว้กว่า 10,000 จุดทั่วประเทศ เช่น สถานที่ราชการ หน่วยงานพันธมิตร และเครือข่ายสมาคมต่างๆ เป็นต้น
นายมงคล เผยด้วยว่า คาดว่า ภายในปีนี้ (2561) จะมีลูกค้าของ ธอส. มาใช้บริการสินเชื่อจาก ธพว. ประมาณ 20,000 ราย วงเงินกู้ตั้งแต่ 2 แสนบาทถึง 2 ล้านบาทต่อราย มูลค่าสินเชื่อรวมประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะก่อให้เกิดการสร้างโอกาส สร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้อย่างกว้างขวาง ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ สร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจไทยจากฐานรากอย่างแท้จริง
“ลูกค้า ธอส. ที่ต้องการกู้เงินในโครงการนี้ ไม่ต้องใช้บ้านมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ขอแค่สมอง กับสองมือ ก็จะได้รับเงินทุนไปสร้างโอกาสสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ โดยใช้ บสย.ค้ำประกันแทน ซึ่งรัฐบาลและธนาคารออกค่าธรรมเนียมฟรี 4 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยถูกแค่ 1% และ 3% ผ่อนนานถึง 7 ปี หรือคิดง่ายๆ ว่า กู้ 100,000 บาท ผ่อนเพียงวันละ 46 บาทเท่านั้น ถือเป็นภาระเงินกู้ที่ต่ำมากๆ เอื้อต่อการนำไปลงทุนประกอบอาชีพ” นายมงคล กล่าว