วว.-เอกชนต่อยอดวิจัยเชิงพาณิชย์
เวชสำอางชะลอวัยเมือกหอยทาก
วว. จับมือเอกชนต่อยอดงานวิจัยเชิงพาณิชย์ผลิตภัณฑ์เวชสำอางชะลอวัยเมือกหอยทากอาช่าผสมสารสกัดสมุนไพร เพิ่มมูลค่าการใช้ประโยชน์ของสารธรรมชาติและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรในการเพาะเลี้ยงหอยทากสายพันธุ์อาช่า ลดทำลายสิ่งแวดล้อมและพืชผลทางการเกษตรเสียหายปีละ 1,000 ล้านบาท
ดร.ลักษมี ปลั่งแสงมาศ ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนางสาววรนัน ภัทรธุวานัน กรรมการบริหารเอเดนฟาร์มและบริษัทเอเดนอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์เวชสำอางชะลอวัยจากเมือกหอยทากอาช่า ผสมสารสกัดสมุนไพรเพื่อการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์” โดยมี นางสาวปราณี นาคะนาท รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก เป็นสักขีพยาน และนายสายันต์ ตันพานิช รองผู้ว่าการกลุ่มวิจัยและพัฒนาด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ วว. ผู้บริหารและนักวิจัย วว. ร่วมเป็นเกียรติ ในวันอังคารที่ 17 เมษายน 2561 ณ เอเดนฟาร์ม จังหวัดนครนายก
ดร.ลักษมี เปิดเผยว่า ความร่วมมือของ วว. และบริษัทเอเดนฯ ดังกล่าว มีระยะเวลาดำเนินงาน 1 ปี โดยมีเป้าหมายของโครงการ ดังนี้
1.นวัตกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์เวชสำอางชะลอวัยจากเมือกหอยทากอาช่าผสมสารสกัดสมุนไพรเพื่อการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ 2.สามารถเพิ่มมูลค่าการใช้ประโยชน์ของสารธรรมชาติ ได้แก่ เมือกหอยทากและสารสกัดสมุนไพรของประเทศไทย สำหรับต่อยอดอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยให้ทัดเทียมกับผลิตภัณฑ์ของต่างประเทศ และ 3.เป็นการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรในการเพาะเลี้ยงหอยทากสายพันธุ์อาช่าในการจำหน่ายทดแทนการทำลายสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ จากความอุดมสมบูรณ์ป่าไม้และสภาพอากาศของจังหวัดนครนายก ทำให้มีหอยทากยักษ์สายพันธุ์ Achatina fulica หรือ อาช่า มีเป็นจำนวนมาก โดยหอยทากได้เกิดการแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว ตลอดจนกัดกินพืชผลทางการเกษตร สร้างความเสียหายในวงกว้าง (กว่าปีละ 1,000 ล้านบาททั่วประเทศ) ดังนั้นเพื่อควบคุมจำนวนหอยทากและเป็นการส่งเสริมอาชีพชุมชน พัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 จังหวัดนครนายกจึงได้จัดตั้งวิสาหกิจชุมชนเกษตรยั่งยืนหอยทากอาช่าจังหวัดนครนายก เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาเลี้ยงหอยทากอาช่า เพื่อควบคุมจำนวนหอยทากและนำเมือกหอยทาก ซึ่งมีคุณสมบัติบำรุงผิวพรรณ ชะลอวัย มาใช้ประโยชน์ โดยสารสำคัญในเมือกหอยทากประกอบไปด้วย แอลลันโทอิน ทำหน้าที่สนับสนุนและเร่งการแบ่งเซลล์ และช่วยสมานแผลได้ดี คอลลาเจน อีลาสติน และสารปฏิชีวนะธรรมชาติ ซึ่งมีส่วนช่วยต้านเชื้อจุลินทรีย์ทุกชนิด นอกจากนี้ยังพบสารไกลโคลิคแอซิดเป็นสารสำคัญในเมือกหอยทากซึ่งสามารถแทรกซึมเข้าชั้นผิวหนังได้ดี ตลอดจนเร่งการสังเคราะห์คอลลาเจนในชั้นผิวหนัง
ดังนั้น บริษัท เอเดน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จึงได้ร่วมวิจัยกับศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร วว. ในการวิจัยและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์เวชสำอางชะลอวัยจากเมือกหอยทากสายพันธุ์อาช่า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มรายได้และใช้ประโยชน์จากหอยทากที่มีมากในเขตจังหวัดนครนายก สำหรับการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และส่งออกต่างประเทศ ซึ่งจากการทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าจากเมือกหอยทากสายพันธุ์อาช่า พบว่ามีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวหนังมนุษย์ได้มากกว่า 96% และฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสโดยให้ค่าความเข้มข้นต่ำสุดที่สามารถยับยั้งเอนไซม์ได้ 50% เท่ากับ 0.52 มก/มล.
อย่างไรก็ตามสมุนไพรเป็นที่นิยมในสังคมปัจจุบันเนื่องจากเป็นสารที่มาจากธรรมชาติ อาทิเช่น สารสกัดบัวบก สารสกัดชะเอมเทศ สารสกัดเมล็ดองุ่น ซึ่งสารเหล่านี้มีสรรพคุณในด้านการเพิ่มความกระจ่างใสและชะลอวัยได้เป็นอย่างดี ดังนั้น เพื่อเป็นการต่อยอดผลงานวิจัยดังกล่าว บริษัท เอเดน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จึงได้ทำการวิจัยต่อยอดในด้านการพัฒนานวัตกรรมการผลิต ผลิตภัณฑ์เวชสำอางเพิ่มความกระจ่างใสและชะลอวัยจากเมือกหอยทากอาช่าผสมสารสกัดสมุนไพรเพื่อการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ดังกล่าว