‘อุตตม’ คิกออฟอีอีซีโชว์ทูต55ประเทศ
โรดโชว์นำร่อง อังกฤษ-ฝรั่งเศส มิ.ย.
“อุตตม” สร้างความเชื่อมั่นโครงการอีอีซีกับทูต 55 ประเทศ ชูความพร้อมระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานรองรับการขยายการลงทุน พร้อมเดินสายโรดโชว์เชิญชวนนักลงทุนทั่วโลก นำร่องอังกฤษ – ฝรั่งเศส “กอบศักดิ์”ย้ำไทยเป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายการลงทุนของเอเชีย “คณิศ” เตรียมแผนรับมือทิศทางการลงทุนของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่แห่เข้าไทย
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆนี้ ภายหลังงานพบปะคณะผู้แทนทางการทูตและกงสุลที่ประจำการในประเทศไทยภายในงาน“The Eastern Economic Corridor (EEC) :Taking Off ว่ารัฐบาลไทยได้สร้างความเชื่อมั่น ในแผนการพัฒนาที่จะไปสู่แนวทางการปฏิบัติ อย่างเป็นรูปธรรมภายหลังจากที่พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา
“ก่อนหน้านี้เรามักจะเจอคำถามจากนักลงทุนเป็นส่วนใหญ่ว่าจะมีความต่อเนื่องโครงการนี้หรือไม่ กฎหมายอีอีซีจะผ่านหรือยัง วันนี้เราได้พิสูจน์ให้เห็นว่าพ.ร.บ.อีอีซีมีแล้ว และเราจะทำให้เห็นถึงความต่อเนื่อง ของโครงการต่างๆ ที่ขณะนี้เตรียมจะเปิดขายซองประมูลรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ฯลฯ ดังนั้นก็เชื่อว่าโครงการในอีอีซีไม่ว่ารัฐบาลไหนมาก็จะเดินหน้าต่อเนื่องแน่นอน และทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแมพที่วางไว้ ดังนั้นที่ผ่านมาถือเป็นการโหมโรงวันนี้เป็นการคิกออฟการปฏิบัติงานที่นำร่องจากทูตต่างประเทศก่อน และจะเร่งประชาสัมพันธ์มากขึ้นด้วย” นายอุตตมกล่าว
ทั้งนี้ได้ชี้แจงต่อคณะทูตและผู้แทนจากต่างประเทศให้รับทราบ ว่ารัฐบาลไทย มีแผนที่จะโรดโชว์ไปต่างประเทศมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศและคณะทูต สามารถที่จะนำเสนอข้อมูลที่เป็นปัจจุบันต่อนักลงทุนได้ให้เข้าใจและรับทราบข้อมูลอย่างต่อเนื่อง โดยในกลุ่มประเทศแรก นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี และภาคเอกชนไทย จะร่วมเดินทางไปนำเสนอข้อมูลแผนการพัฒนาอีอีซี ที่ประเทศอังกฤษ และฝรั่งเศส ปลายเดือนมิถุนายนนี้ และในวันที่ 11 มิถุนายน ยังมีแผนที่จะเดินทางไปร่วมงาน นิเคอิ ฟอรั่ม ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ข้อมูลกับนักลงทุนที่เข้าร่วมงานดังกล่าวด้วยเช่นกัน
สำหรับ การเดินทางไปฝรั่งเศสที่จะเกิดขึ้น จะมีการลงนามอย่างเป็นทางการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทีจี กับ บริษัท แอร์บัส อินดัสตรี จำกัด เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยาน( MRO) ซึ่งโครงการนี้รัฐบาลไทย ได้เตรียมพื้นที่ไว้ รองรับ ประมาณ 600 ไร่ โดยทางทีจีและแอร์บัส ต้องการพื้นที่ ประมาณ 200 ไร่ นอกจากนี้ยังมีเอกชนรายอื่น เช่น แอร์เอเชีย แสดงเจตจำนงที่ต้องการใช้พื้นที่ในโครงการดังกล่าว ประมาณ 70 ไร่ และยังมีบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นที่สนใจอีก 1 ราย อย่างไรก็ตามคาดว่าโครงการนี้จะมีเอกชนที่เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 3 ราย
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนในต่างประเทศ ได้ให้ความสนใจในด้านการขยายการลงทุนมาในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก ประมาณ 2-3 เท่าตัวในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับทวีปอเมริกาและยุโรป ดังนั้นเอเชียจึงเป็นเป้าหมายการลงทุนของนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งจะเป็นประเทศแรกของการตัดสินใจการลงทุน ในขณะที่ประเทศไทย จะเป็นพื้นที่การขยายการลงทุนในระยะที่สองของนักลงทุน เนื่องจากไทยมีความพร้อมในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นโลจิสติกส์ ทั้งทางบก น้ำ และอากาศ รวมทั้งยังมีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องแผนการพัฒนาพื้นที่อีอีซี และเป็นรูปธรรม ทำให้นักลงทุนเกิดการตัดสินใจด้านการลงทุนมายังประเทศไทยง่ายยิ่งขึ้น
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) กล่าวว่า หลังจากที่ พ.ร.บ.อีอีซีประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ได้ส่งผลให้ทิศทางการลงทุนของประเทศไทย ได้เปลี่ยนไป จากเดิมที่นักลงทุนเข้ามาติดต่อเป็นรายบริษัท และในรูปแบบผ่านรัฐบาลกลางหรือรัฐบาลท้องถิ่น แต่นับจากนี้รูปแบบการลงทุนที่จะเกิดขึ้นมีการติดต่อเข้ามาในลักษณะของกลุ่มธุรกิจ ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมความพร้อม เพื่อรองรับนักลงทุนทั้งในด้านการบริหารจัดการ และการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนเป็นที่เรียบร้อย