เปิดData Tech Academy แรกในไทย
ชูหลักสูตรData Science Technology
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต ร่วมกับ วิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์(CITE) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต และเวบไซต์NextEmpire เปิด สถาบันการศึกษา Data Tech Academy รับยุคดิจทัลที่ข้อมูลมีอยู่มหาศาลในโลกออนไลน์ ปั้นนักศึกษาสู่ผู้เชี่ยวชาญ “Data Scientist” หรือ “นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล” รวบรวม วิเคราะห์ บริหารจัดการสู่การใช้ประโยชน์อย่างมีศักยภาพ ซึ่งปัจจุบันบุคลากรด้านนี้ยังขาดแคลน หนุนนโยบายการก้าวสู่ประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาล
ดร.ณรงค์เดช กีรติพรานนท์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ (CITE) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตเป็นประธานเปิดตัว สถาบันการศึกษา Data Tech Academy พร้อมกล่าวว่า “คน” อยู่เบื้องหลังการที่เราจะก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 และ Data Tech Academy ซึ่งเป็นการร่วมมือของ 2 ฝ่าย ได้แก่ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต โดย CITE และเวบไซต์NextEmpire จะช่วยผลักดันให้การเรียนรู้ด้าน Data เป็นไปได้ง่าย เป็นไปได้จริง รู้จริงทำได้ และยังจะช่วยสนับสนุนไทย แลนด์ 4.0 ด้วย
“CITE เป็นตัวจักรหลักในการผลักดันแนวคิดของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตในการเป็น Start Up Agency ผลักดัน Start Up หรือธุรกิจนวัตกรรม เปิดสอนหลายหลักสูตรทั้งคอมพิวเตอร์ ไอที วิศวกรรม หุ่นยนต์ แต่ในที่นี้จะเน้นเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศและวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ โดยปัจจุบันมหาวิทยาลัยมีหลักสูตรปริญญาเอก ปริญญาโทและปริญญาเอก แต่ยังขาดคอร์สระยะสั้น เพื่อเพิ่มเติมความรู้ให้เข้มข้นเพิ่มขึ้น จึงต้องการพันธมิตรมาช่วยทำให้การเรียนการสอนง่ายขึ้นและเข้าถึงกลุ่มบุคคลต่าง ๆ ให้น่าสนใจมากขึ้น ซึ่งได้ NextEmpire มาช่วย โดยเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการอบรมด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่และด้านอินโฟกราฟฟิก ด้านStart Upและสื่อทันสมัย จึเป็นการรวมพลังระหว่าง Know How และเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ เป็นปลูกฝังว่า Data สำคัญและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง ส่วนการอบรมไม่ได้สอนเพียง ทฤษฎี แต่ได้ลงมือปฏิบัติจริง”
ด้านผศ.ดร.วรภัทร ไพรีเกรง ผู้อำนวยการสถาบัน Data Tech Academy เปิดเผยว่า เนื่องด้วยในยุคดิจิทัลมีปริมาณข้อมูลบนโลกออนไลน์ที่ไหลเวียนมีขนาดใหญ่ (Big Data) และมีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคส่วนใหญ่ใช้เวลาว่างกับการเล่นอินเตอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย การดำเนินธุรกิจและการบริหารจัดการองค์กรหลายแห่งในประเทศไทย ทั้งองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี องค์กรภาครัฐและเอกชน ได้มีแพลตฟอร์มของบริษัท เพื่อการบริหารการจัดเก็บข้อมูลขององค์กร นับเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาล เพราะหากองค์กรธุรกิจในยุคดิจิทัลที่มีความสามารถในการวิเคราะห์และจัดการข้อมูล Big Data (ข้อมูลขนาดใหญ่) ที่มีความหลากหลายของข้อมูล ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ เพื่อเข้าใจถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงการบริโภคทั้งในด้านไลฟ์สไตล์ รูปแบบสินค้าและบริการที่ต้องการ จะสามารถสร้างสินค้าและบริการให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายได้มากขึ้น ช่วยเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันให้กับองค์กรนั้นได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น อาชีพ Data Scientist หรือนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล ผู้ทำหน้าที่คัดกรองข้อมูลที่มาจากหลากหลายช่องทาง อาทิ อีเมล์, ไฟล์เอกสารต่างๆ, ภาพถ่าย, วีดีโอ, ไฟล์เสียง, การโพสต์ข้อความลงบนโซเชียลมีเดีย, และอื่นๆ จากนั้นนำมาศึกษา-คิดวิเคราะห์-แยกแยะข้อมูล การเก็บและเปลี่ยนแปลงข้อมูล นำไปสู่องค์ความรู้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ การกำหนดกลยุทธ์องค์กร พัฒนาแนวทางการต่อยอดธุรกิจ การตัดสินใจในด้านต่างๆได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้การดำเนินธุรกิจสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งอาชีพ Data Science หรือนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล กำลังเป็นอาชีพที่มีความต้องการขององค์กรไม่ว่าจะภาครัฐ และเอกชนเป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ ทางสถาบัน Data Tech Academy ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและความต้องการบุคลากรคุณภาพด้าน Data Science จึงร่วมมือกับวิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ (CITE) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และ เว็บไซต์ NextEmpire ผู้นำเสนอเทรนด์ ธุรกิจ นวัตกรรม ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านการสอนและการปฏิบัติจริงรวมอยู่ในหลักสูตรเดียวกัน โดยรูปแบบการเรียนการสอนจะเริ่มต้นจากขั้นพื้นฐาน วิธีคิดอย่างเป็นระบบ ผ่านทางบทเรียนในห้องเรียนและการเวิร์คชอป การประชุมเชิงปฏิบัติการ เน้นให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ เพื่อเพิ่มทักษะการทำงาน พร้อมรับฟังข้อคิดและประสบการณ์ตรงจากวิทยากรรับเชิญจากองค์กรชั้นนำในประเทศไทยที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์จากการทำงาน
นายธนโชติ วิสุทธิสมาน Chief Executive Officer ของเวบไซต์ NextEmpire กล่าวว่า ในยุคปัจจุบันปริมาณข้อมูลมีอยู่อย่างมหาศาล โดยจากการเก็บข้อมูลพบว่า ปริมาณข้อมูลทางธุรกิจของธุรกิจทั่วโลก เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในทุก ๆ 1.2 ปีและยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งหากเปรียบเทียบเป็นกราฟจะเห็นว่า มีข้อมูลที่สามารถบริหารจัดการเพื่อให้เกิดประโยชน์ทำได้น้อยมาก ในขณะที่ยังเหลือข้อมูลอีกจำนวนมากที่ไม่ได้จัดการอยู่ในช่องว่างของเส้นกราฟ หรือที่เราเรียกว่า “Big Data” นั่นเอง และปัจจุบันทั่วโลกยังขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญนำข้อมูลตรงนี้มาวิเคราะห์ บริหารจัดการสู่การใช้ประโยชน์ หรือที่เรียกว่า “Data Scientist” เป็นอย่างมาก โดยจากการเสิร์จข้อมูลจาก LinkedIn เว็บไซต์เครือข่ายสังคม พบว่า มีผู้ทำงานเกี่ยวกับ Data มีอยู่เพียงประมาณ 111,995 คน ขณะที่ในประเทศไทยมีเพียง 338 คน ซึ่งอนาคตอาจต้องการ 2,000-3,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้จากข้อมูลเวบไซต์งานแห่งหนึ่งของอเมริกันพบว่า ตำแหน่ง Data Scientist นับว่า มีความต้องการมากที่สุดในโลกในขณะนี้และยังเป็นตำแหน่งงานที่มีผลตอบแทนสูงติดใน 20 ลำดับ โดยอยู่ลำดับที่ 16 มีอัตราเงินเดือนสูงถึง 113% จากค่าเฉลี่ยของตลาด หรือมีเงินเดือนเฉลี่ยที่ 110,000 ดอลลาร์สหรัฐ
“การขาดแคลนบุคลากรด้านนี้ทำให้เกิดการแย่งชิงบุคลากรด้านนี้ เหตุผลเพราะการเป็น “Data Scientist” ต้องใช้ความรู้หลายอย่างทั้งด้าน Programmig, Mathematic และ Statastic
สำหรับผู้ที่จะมุ่งสู่ Data Scientist นั้น ในขณะนี้สามารถทำได้โดยศึกษาในมหาวิทยาลัย ปริญญาโทและปริญญาเอก การศึกษาด้วยตนเอง หรือจะเรียนคอร์สสั้น ๆ ซึ่งทาง NextEmpire มาร่วมมือจัดทำ Data Tech Academy ก็เพื่อผลักดันให้เกิดบุคลากรด้าน Data ป้อนสู่ภาคธุรกิจต่อไป”
ทั้งนี้ 4 หลักสูตรแรกที่เปิดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ได้แก่
1.หลักสูตร Road to Data Science : เข้าใจเทรนด์และทักษะที่ต้องการของ Data Science ในอนาคต จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ พร้อมยกระดับไปสู่ Data-driven Enterprise และเข้าถึงปัญหาจริงทางธุรกิจผ่าน Problem-Solving เวิร์คช็อป ค่าใช่จ่าย 16,900 บาท
2.หลักสูตร AI Technology for Intelligent Business :เข้าใจส่วนประกอบและเทคนิคที่สำคัญของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ผ่านการพัฒนาจริงเพื่อที่นำไปใช้ต่อยอดทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ค่าใช่จ่าย 16,900 บาท
3.หลักสูตร Data Management for Growth : ลงลึกด้านการบริหารจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนของธุรกิจผ่านการดูแลอย่างเป็นระบบ เพื่อสามารถนำข้อมูลไปใช้ได้จริงในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ค่าใช่จ่าย 44,900 บาท
4.หลักสูตร Blockchain and Smart Contract : เข้าใจ Blockchain และการนำไปประยุกต์ใช้ในแบบต่างๆในโลกธุรกิจปัจจุบัน เช่น สกุลเงินดิจิตอล สัญญาอัจฉริยะ เป็นต้น ผ่านจากการพัฒนาจริงบน Platform มาตรฐาน ค่าใช่จ่าย 24,900 บาท
โดยทั้ง 4 หลักสูตรเปิดรับสมัครแล้วสำหรับนักเรียนรุ่นแรก ผู้ที่สนใจสมัครเรียน สามารถดาวน์โหลดใบสมัคร หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/datatechacademy