ทดสอบเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำ
เรียนรู้ วิถีชุมชนริมน้ำภาคตะวันตก
เมื่อวันที่ 10-11สิงหาคม 2561 กองส่งเสริมการบริการท่องเที่ยว ฝ่ายส่งเสริมสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพาผู้ประกอบการและสื่อมวลชนทดสอบเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำ เรียนรู้ วิถีชุมชนริมน้ำภาคตะวันออกในจังหวัดจันทบุรี-ระยอง
การท่องเที่ยวตามแม่น้ำ ลำคลอง เป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่องกับวิถีชีวิตของคนไทยเป็นส่วนใหญ่ เป็นการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมวิถีชีวิตและวิถีชุมชนตามสองฝั่งแม่น้ำลำคลอง รวมถึงโบราณสถานและสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีอยู่ทั้งสองฝั่งคลอง เฉกเช่นเดียวกันทริปนี้เราได้ร่วมเรียนรู้ วิถีชุมชนริมน้ำภาคตะวันออกในจังหวัดจันทบุรี-ระยองกัน
นายคมกริช ด้วงเงิน ผู้อำนวยการ กองส่งเสริมการบริการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวต้อนรับคณะก่อนออกเดินทางมุ่งหน้าจังหวัดจันทบุรีจนใกล้เวลาเที่ยงคณะได้แวะรับประทานอาหารกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวขลุกขลิกบรรยากาศดีติดแม่น้ำจันทบุรี เมนูนำเสนอก๋วยเตี๋ยวทะเลที่จัดกุ้ง กั๊งมาให้ชิม ยังมีอีกทีเด็ดของร้านนั่นคือข้าวคลุกพริกเกลือ อาหารพื้นถิ่นที่นำน้ำจิ้มซีฟู้ดมาคลุกข้าวพร้อมเคียงด้วยไข่ต้มและ กุ้ง กั้ง หมึก พร้อมดื่มน้ำมะปี๊ดรสชาติคล้ายๆ มะนาวมาเสิร์ฟเย็นๆให้สดชื่นกัน อิ่มแล้วจึงเดินทางต่อ
ชุมชนบางกะจะ
สถานที่แรกที่คณะแวะเยี่ยมชมเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOPมีสินค้าขึ้นชื่ออยู่ 2 ชนิด คือ เสื่อกก และพลอย เราไปดูบ่อพลอยเหล็กเพชร ซึ่งเป็นบ่อพลอยแบบโบราณและเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชนให้คนทั่วไปได้สัมผัสวิธีการหาพลอยแบบโบราณจากชาวเหมืองตัวจริง ตั้งแต่การลงบ่อ ขุดพลอย เอาขึ้นมาร่อนดิน ล้างน้ำ ให้ได้ลุ้นกันว่าจะได้พลอยแบบไหนจากการลงไปขุดมันขึ้นมา สร้างความสนุกตื่นเต้นไม่น้อยเลยทีเดียว
ชุมชนขนมแปลกริมคลองหนองบัว
ช่วงบ่ายแก่ ๆ อากาศไม่ร้อนจนเกินไปเราลงเรือชมธรรมชาติ คลองหนองบัว ดูเหยี่ยวแดงแบบใกล้ชิด
โดยการโยนเหยื่อลงไปในน้ำ จากนั้นจะมีเหยี่ยวแดงที่บินวนอยู่โฉบลงมาจับอาหารขึ้นไปกินทำให้เราได้เห็นมันอย่างใกล้ชิด พอขึ้นฝั่งเดินดูวิถีชุมชนขนมแปลก เป็นชุมชนเก่าแก่มีบ้านเรือนไม้อายุนับร้อยปีอยู่หลายหลังเรียงรายสองฟากถนนซึ่งชุมชนนี้มีชื่อเสียงในเรื่องอาหารและขนมอร่อย ๆ โดยเฉพาะขนมแปลก ๆ อย่าง ขนมควยลิง ชื่อนี้จริง ๆ เป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวปั้นคลุกมะพร้าวน้ำตาล ป้าแต๋วเชิญชวนคณะให้ได้ชิมกัน ยังมีขนมโบราณแปลกๆ มากมาย ซึ่งตลาดจะครึกครื้นต้องเป็นวันเสาร์- อาทิตย์ นอกจากนั้นเรายังได้เดินเที่ยวชมภาพวาด Street Art ตามมุมต่าง ๆ
อาหารเย็นวันนี้ที่จันทรโภชนา ไม่พลาดกับเมนูเด็ด ๆที่คัดสรรมาอย่าง เส้นจันท์ผัดปู แกงหมูชะมวง ต้มออมาจู ฯ หลังอิ่มกันจนพุงกางค่ำนี้เราพักผ่อนกันที่โรงแรมพิมดาราเป็นโรงแรมเปิดใหม่สไตล์ อาร์ทแกลลอรี่
ชุมชนบ้านทะเลน้อย
วันที่ 2 ของการท่องเที่ยว หลังอาหารเช้าเรามุ่งหน้าสู่ทะเลน้อย เรียนรู้วิถีชุมชนที่นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน ที่นี่มีคำขวัญว่า“กล้วยน้ำว้าขึ้นชื่อ เลื่องลือผักกระชับ ถิ่นพักทัพพระเจ้าตาก ของฝาก กะปิ-น้ำปลา ล่องธาราลำน้ำประแสร์”โดยมีคุณปรีชา สรรเสริญ ประธานหมู่บ้านให้การต้อนรับนำชม เราไปไหว้พระพร้อมสัมผัสเรื่องราวประวัติศาสตร์การเดินทัพผ่านบ้านทะเลน้อยเข้าตีเมืองจันทรบูรของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่วัดราชบัลลังก์ประดิษฐาราม ซึ่งมีอุโบสถเก่าอายุกว่า 300 ปี
จากนั้นแวะชมบ้านจำลองฝีมือของป้าแอ๋งหรือนางสาวประทวน ซื่อตรง สิ่งก่อสร้าง บ้านหรือโบราณสถานจำลองต่าง ๆทำจาก ไม้ไผ่-ข้าวเปลือก สร้างจากความทรงจำของป้าเองล้วน ๆ เดินทางต่อเพื่อไปดูการปลูกผักกระชับ ผักพื้นบ้านที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านที่นี่พร้อมเมนูมื้อเที่ยงแกงส้มผักกระชับ และอีกเมนูแนะนำปลาเค็มแดดเดียวหนึ่งในของฝากที่ขายดีเป็นลำดับต้นๆของทะเลน้อยอีกด้วย
ล่องเรือชมธรรมชาติแม่น้ำประแส
ชุมชนแห่งนี้เป็นชุมชนประมงเก่าแก่ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำประแสมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา วิถีชีวิตที่ผูกพันกับทะเลและแม่น้ำ ชาวชุมชนที่นี่ยังคงพยายามอนุรักษ์สถาปัตยกรรมบ้านเรือนไม้ไว้ในแบบดั้งเดิม
เดินเที่ยวชมบ้านเรือน ร้านค้า เที่ยวชมเรือรบหลวงประแส เรือรบที่ปลดระวางแล้วลำนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวน่ากล่าวขานถึงมากมาย
ทุ่งโปรงทอง
ท้ายสุดของทริปนี้เพลิดเพลินเที่ยวชมทุ่งโปรงทองในยามบ่ายที่ต้นโปรงทองเบียดเสียดไหวระยับดังทอง ถ่ายรูปกันแบบชิล ๆ
ที่แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีสะพานไม้ยาว 2.5 กิโลเมตร ไว้ให้พวกเราเดินชมธรรมชาติ และป่าชายเลนของปากน้ำประแสที่มีความสมบูรณ์มากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของภาคตะวันออกเลยทีเดียว
นับเป็นการสิ้นสุดการท่องเที่ยวทางน้ำแบบเต็มอิ่ม อิ่มทั้งกาย อิ่มทั้งใจ ด้วยความสดชื่น