“เพชรเกษมเนอร์สซิ่งโฮม”
เนอร์สซิ่งโฮมสไตล์ “ศิรสิทธิ์”
กรุงเทพมหานครเป็นเมืองใหญ่ (mega city) ที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศ ประชากรกลุ่มอายุมากกว่า 60 ปี มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในปี 2557 กลุ่มผู้สูงอายุนี้เพิ่มเป็นร้อยละ 15 ซึ่งแสดงว่าประเทศไทยได้เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุตามเกณฑ์ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมทำให้ครอบครัวสังคมไทยสมัยใหม่ที่สมาชิกในครอบครัวที่อยู่ในวัยทำงานต้องมีภารกิจภายนอกบ้านมากขึ้น ทำให้การอยู่อาศัยคนเดียวของผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเป็นเกือบร้อยละ 10 ของผู้สูงอายุทั้งหมด ความจำเป็นนี้ทำให้มุมมองต่อการอยู่อาศัยในเนอร์สซิ่งโฮมเปลี่ยนไปเป็นที่ยอมรับกันมากขึ้น นอกจากนั้น ในปัจจุบันซึ่งเป็นยุคของอีเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยี ทำให้การจัดการเนอร์สซิ่งโฮมต้องมีการปรับรูปแบบการบริหารจัดการ จึงมีธุรกิจในรูปแบบที่ตอบสนองความต้องการของสังคมและผู้ใช้บริการมากขึ้น
คุณศิรสิทธิ์ ตั้งจิตกมล กรรมการบริษัทเพชรเกษมเนอร์สซิ่งโฮม ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยพักฟื้น ถือเป็นนักบริหารรุ่นใหม่ ผู้พลิกธุรกิจเนอร์สซิ่งโฮม ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยพักฟื้น ภายใต้สโลแกน เพราะความสุขของคุณ “สำคัญกับเรา” เล่าว่า ได้เริ่มสนใจในธุรกิจเนอร์สซิ่งโฮม จากประสบการณ์ตรง เริ่มจากน้องสาวของคุณยายล้มป่วยและจำเป็นต้องมีการดูแลต่อเนื่อง จึงต้องนำไปฝากไว้บ้านพักผู้สูงอายุที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าพบปัญหาค่อนข้างมาก เมื่อผู้ดูแลไม่เอาใจใส่ มีกิริยาวาจาไม่เหมาะสมแม้จะอยู่ต่อหน้าญาติ
จึงเปลี่ยนรูปแบบเป็นโฮมแคร์ (จ้างคนมาดูแลผู้สูงอายุมาที่บ้าน) ปรากฏว่าแรกๆ ก็ปฏิบัติตัวดี ระยะหลังเริ่มมีปัญหาในลักษณะเดียวกันซึ่งพบจากกล้องวงจรปิด สมาชิกในครอบครัวเลยสะท้อนใจอยากทำธุรกิจเนอร์สซิ่งโฮมในรูปแบบที่เน้นคุณภาพของการดูแลด้วยใจ แต่ไม่มีผู้ที่ไว้ใจจะให้บริหารในรูปแบบที่ต้องการได้ จังหวะที่คุณยายเสียชีวิต ผมเรียนจบและทำงานอยู่อเมริกาจึงคิดว่า น่าจะกลับมาทำงานบริหารจัดการด้วยตนเอง เนื่องจากอุปนิสัยของตัวเองเป็นคนรักการทำงานบริการและใกล้ชิดกับคุณยายมาตั้งแต่เด็ก ๆ จึงเข้าใจความต้องการทั้งทางร่างกายและจิตใจของสูงอายุ โดยได้รับการสนับสนุนจากคุณพ่อและคุณแม่ที่เป็นแพทย์ผู้แม้จะเป็นแพทย์เฉพาะทางแต่เน้นการดูแลแบบองค์รวมทั้งกายและใจ
คุณศิรสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ก่อนที่จะมาเปิด เพชรเกษมเนอร์สซิ่งโฮม มีการศึกษาข้อมูลโดยละเอียดถึงความเป็นอยู่ที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ และมีการดูงานเนอร์สซิ่งโฮมหลาย ๆ แห่งทั้งในและต่างประเทศ พบว่า เนอร์สซิ่งโฮมส่วนมากในประเทศไทยจะเป็นการต่อเติมจากบ้านหรืออพาร์ทเม้นท์ ทำให้ผังที่พักอาศัยไม่เหมาะสมสำหรับความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุ รวมยังขาดความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน เช่น ระบบการดูแลสุขภาพใกล้ชิดโดยแพทย์ ระบบรักษาความปลอดภัย ระบบปฏิบัติการในกรณีฉุกเฉิน ผมจึงนำหลาย ๆ สิ่งมาวางแผน
โดยมีการออกแบบสถานที่ร่วมกันระหว่างแพทย์และสถาปนิก ซึ่งจะตอบโจทย์สร้างความลงตัวให้ได้ว่าผู้สูงอายุเขาควรจะมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไรเพื่อให้ปลอดภัย โดยเน้นความโปร่ง โล่ง สะอาดและอากาศบริสุทธ์ มีสวนและศาลาพักผ่อน ประตูห้องจะเป็นบานเลื่อน มีหน้าต่างจำนวนมาก มีห้องน้ำในทุกห้อง ส่วนห้องรวม 4 เตียง จะมีจะมีระยะห่างอย่างต่ำ 90 เซ็นติเมตร แยกเพศชายและหญิงพร้อมห้องน้ำแยก
กับคำว่า “บ้านพักผู้สูงอายุและบ้านพักฟื้นสมัยใหม่” ผมมองว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวเดินเหินได้หรือติดเตียงต้องได้รับการดูแลทั้งสิ้น แต่ในรูปแบบที่แตกต่างกัน ส่วนมากเกือบ 50% คือ ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยในระยะพักฟื้นที่เพิ่งพาเขาออกจากโรงพยาบาลและเลือกเนอร์สซิ่งโฮม เพราะญาติไม่สะดวกที่จะดูแล ไม่มีเวลาหรือไม่สามารถดูแลได้อย่างมั่นใจ เราจึงเตรียมความพร้อมการบริการทางการแพทย์ โดยมีแพทย์มาดูแลสุขภาพทุกวันหรือเกือบทุกวัน และพร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำภายใน 5 นาที
จัดหาเจ้าหน้าที่การพยาบาลจะเป็นผู้ที่ความชำนาญกว่า 20-30 ปี ทางด้านการอบรมและการพัฒนาศักยภาพผู้ดูแลผู้ป่วยมาเป็นหัวหน้าทีม มีพยาบาลเป็นพี่เลี้ยง โดยนโยบายของที่นี่ คือ เน้นให้เจ้าหน้าที่ทุกคนมีใจดูแลผู้พักอาศัยเหมือนญาติสูงอายุมากกว่าเป็นลูกค้าแบบธุรกิจอื่น ผมถือว่าทุกคนที่มาทำงานต้องมีใจให้กันเหมือนครอบครัวเดียวกัน มีการส่งเวร การประชุมสม่ำเสมอเพื่อรายงานสุขภาพผู้สูงอายุทั้งกายใจและอารมณ์ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคในการบริบาล
เนอร์สซิ่งโฮมถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้สูงวัยในยุคปัจจุบัน เพราะมีการบริการจัดการอย่างมีระบบ มีการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเหมาะสมเพื่อความปลอดภัย และมีกลุ่มกิจกรรมทางสังคมผู้สูงอายุอยู่ร่วมกัน โดยจะมีการประเมินความสามารถในการเคลื่อนไหว สังเกตพฤติกรรม อารมณ์และจิตใจ ตรวจวัดความดันโลหิต จังหวะการเต้นของหัวใจ มีกิจกรรมเพื่อพัฒนาหรือชะลอความสูงวัยของผู้สูงอายุทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ มีนักกายภาพบำบัดมาดูแล ฟื้นฟูสมรรถภาพทางกาย มีเกมที่ฝึกการเคลื่อนไหวของร่างกายให้เหมาะสมกับวัยและสุขภาพ เช่น การวาดภาพหรือระบายสี มี เกมฝึกสมองและความคิด ช่วงวันเสาร์- อาทิตย์จะมีกิจกรรมสนุก ๆ ร่วมกันระหว่างผู้สูงอายุ ญาติผู้ป่วยและผู้ดูแล
การดูแลผู้สูงอายุของเพชรเกษมเนอร์สซิ่งโฮมจะแยกเป็น 3 รูปแบบ คือ 1. ผู้ที่ช่วยตนเองได้แต่ต้องการเพื่อนผู้ดูแล คือ เดินได้ รับประทานอาหารเองได้ตามปกติ ญาติผู้ป่วย ยังสามารถพาผู้สูงอายุไปรับประทานอาหารหรือไปทำธุระข้างนอกได้ โดยแจ้งให้ผู้ดูแลให้ได้ทราบก่อน 2. ผู้ที่ต้องได้รับการช่วยเหลือบ้าง อาจจะเป็นโรคอัมพาตครึ่งซีกหรือเดินไม่สะดวก ซึ่งมีประมาณ 50% และ 3. ผู้ติดเตียง หมายถึง ถ้าไม่ได้ทำกายภาพ ก็มีสิทธิ์ที่จะกลับมาเดินไม่ได้อีกสูง ผู้สูงอายุกลุ่มนี้จึงต้องได้รับการดูแลเต็มรูปแบบ
สำหรับธุรกิจเพชรเกษมเนิร์สซิ่งโฮมซึ่งให้การบริการแบบทันสมัยแต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยที่ต้องมีน้ำใจให้กัน ผมเน้นเสมอเรื่อง “ต้องสะอาด ต้องปลอดภัย ต้องมีความสุข” เพื่อให้ทุกคนที่มาอยู่มีความสะดวกทางกาย และมีความสุขสบายทางใจเหมือนอยู่อีกบ้านหนึ่งของตนเอง และอุ่นใจที่มีผู้ดูแลที่แม้ไม่ใช่ลูกแต่ก็เป็นเหมือนลูกหลานที่เฝ้าดูแลตลอด 24 ชั่วโมง” ศิรสิทธิ์ หรือโบนัส กล่าวทิ้งท้าย