ธพว. พร้อมเปิดขายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพกว่า6,500 ล้านบาท ดึงกลับมาเป็นทุนปล่อยสินเชื่อใหม่คุณภาพดีได้2 เท่า วางกระบวนการแข่งขันเสมอภาคโปร่งใสเปิดทางผู้ซื้อผ่อนจ่ายได้3 ปี ประเดิมรอบแรก 25 ก.ย. นี้
นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว. หรือ SME Development Bank)เปิดเผยว่า ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)กำหนดอัตราส่วนการดำรงกองทุนขั้นต่ำต่อสินทรัพย์เสี่ยง (Total capital ratio) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 8.5โดยขณะที่ ธพว. อยู่ที่ร้อยละ 11.27 ซึ่งถือเป็นระดับที่มีความมั่นคง
อย่างไรก็ตาม ด้วยระบบกำกับดูแลดังกล่าว การมีหนี้ด้อยคุณภาพ(NPLs) ค้างอยู่ในระบบ ย่อมทำให้เสียโอกาสในการปล่อยสินเชื่อใหม่คุณภาพดี ดังนั้น ธพว. ได้เปิดจำหน่ายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ มูลค่ารวมกว่า 6,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของธนาคารที่ถูกจัดเป็นสินทรัพย์จัดชั้นต่ำกว่ามาตรฐาน ชั้นสงสัยจะศูนย์ หรือสินทรัพย์จัดชั้นศูนย์ ตามหลักเกณฑ์การจัดชั้นและการกันสำรองของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเป็นลูกหนี้ที่หยุดดำเนินกิจการหรือเลิกกิจการหรือประวิงเวลาการชำระหนี้หรือไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ไขหนี้
การขายครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับธนาคารโดยจะช่วยให้อัตรากองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารดีขึ้นในขณะเดียวกันเปิดโอกาสให้ธนาคารมีความสามารถระดมเงินทุนเพื่อนำไปใช้ปล่อยสินเชื่อคุณภาพดีให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่อไปได้ ซึ่งจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างน้อยกว่า2 เท่าจากมูลค่า NPLs ที่จำหน่ายออกไป
ทั้งนี้ ได้เริ่มเปิดจำหน่ายNPLsรอบแรก ในวันที่ 25 กันยายน 2561 วงเงินรวมกว่า4,200 ล้านบาทจัดกองออกเป็น 3 ประเภท คือ สินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกัน แยกตามพื้นที่ตั้งหลักประกัน จำนวน 5 กอง จำนวน 190 ราย เงินต้น 1,515ล้านบาทมูลค่าหลักประกัน2,694 ล้านบาท สินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ไม่มีหลักประกัน 2 กอง แบ่งตามพื้นที่ จำนวน 4,125 ราย เงินต้น 2,177 ล้านบาท และสินทรัพย์ด้อยคุณภาพกลุ่มสินเชื่อลิสซิ่งและเช่าซื้อ 1 กองจำนวน 945 รายเงินต้น1,165 ล้านบาทโดยการจำหน่ายคัดเฉพาะบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ที่ได้รับอนุญาตจาก ธปท. ที่มีกว่า 50 รายโดยกำหนดเข้าซื้อเอกสาร 26กันยายน – 9 ตุลาคม 2561กำหนดการตรวจสอบข้อมูลตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน – 26 ตุลาคม 2561 (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) และกำหนดยื่นเอกสารเสนอราคาซื้อ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2561ส่วนรอบสองที่เหลือจะเปิดจำหน่ายในช่วงต้นเดือนตุลาคมต่อไป
“การขายสินทรัพย์ครั้งนี้ มีความน่าสนใจที่เป็นทรัพย์ลูกค้าธุรกิจผ่านกระบวนการของศาลมาแล้ว สามารถใช้สิทธิเรียกร้องได้ตามกฎหมายหรือซื้อเพื่อดำเนินธุรกิจต่อได้รวมถึงจัดเป็นกองเล็กๆ มูลค่าไม่สูงโดยใช้วิธีการเปิดประมูล และที่สำคัญ สามารถชำระเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือชำระแบบเงินผ่อนได้ โดยมีธนาคารอาวัล ภายใน 3 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ประเภทลูกค้าสถาบันอ้างอิงจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำเฉลี่ยของ 4 ธนาคาร (ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงไทย)ซึ่งกระบวนการดังกล่าว เอื้อให้เกิดการแข่งขันที่เปิดกว้างและเสมอภาค” นายมงคล กล่าว
สำหรับสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่เปิดจำหน่ายครั้งนี้ ส่วนมากเป็นลูกหนี้เกิดขึ้นก่อนปี 2558ดังนั้น เมื่อจำหน่ายออกไปแล้ว จะช่วยให้ธนาคาร ลดภาระด้านบริหารจัดการติดตามหนี้ รวมถึง ลดหนี้NPLsซึ่งปัจจุบัน อยู่ที่ระดับร้อยละ 19 เหลือประมาณร้อยละ 15 และภายในปีหน้า (2562)ตั้งเป้าลด NPLs เหลือไม่เกินร้อยละ 10 เท่านั้น ช่วยให้สถานะทางการเงินของธนาคารมีความมั่นคงเข้มแข็งยิ่งขึ้นไปอีก