เที่ยวระยองสัมผัสวิถีชุมชน
ตื่นตาตื่นใจกับ “เพชรแต้มสี”
ผู้ที่พิสมัยการเดินทางท่องเที่ยว..วิถีชีวิตชุมชน นอกจากได้สัมผัสธรรมชาติและวิถีชาวบ้านในแต่ละท้องถิ่นแล้ว ยังได้สนับสนุนแนวทางของรัฐบาลด้วย ที่มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนท้องถิ่น โดยนำจุดเด่น อัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่มาเป็นจุดขาย เพื่อเอื้อให้ชาวบ้านและชุมชนมีรายได้ เป็นชุมชนที่เข้มแข็ง อันเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก เพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศในภาพรวม ขณะเดียวกันยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่ละทิ้งถิ่นบ้านเกิดเพราะสามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้อยู่ในท้องถิ่นของตนได้
“จังหวัดระยอง” จัดเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกพื้นที่หนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร โดยทางจังหวัดมีการทำงานเชิงรุกเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดของตนเช่นกัน ซึ่งเมื่อเร็ว ๆนี้ ทางจังหวัด ร่วมสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดระยองได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงรุกเชื่อมโยงภูมิภาคครั้งที่ 2 ไป ได้แก่ กิจกรรม “ท่องเที่ยว วิถีชาวเล ..หอย ฮิ ปู ฮะ” ณ อ่าวมะขามป้อม อ.แกลง ง โดยมี นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พร้อมด้วยนายพงษ์อนันต์ จันทร์ไพร ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดระยองร่วมเปิดงาน ที่เปิดให้ประชาชน นักท่องเที่ยวมาชิม ช้อปอาหารทะเลอร่อย ๆ กัน
นายพงษ์อนันต์ จันทร์ไพร ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดระยอง เปิดเผยว่า จังหวัดระยองมีภูมิประเทศเป็นที่ราบชายฝั่งและได้ชื่อว่าเป็นเมืองสามขา คือ ภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม และภาคการท่องเที่ยว ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวหลายอย่าง ได้แก่ 1. ชายทะเล ชายหาด เช่น บ้านเพ สวนสน หาดแม่พิมพ์ 2.เกาะ 3.ป่า ถ้ำ 4. วัด 5 สวนผลไม้ 6. อาหาร อาหารทะเล
ขณะเดียวกันระยองยังมีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยอยู่ในกลุ่มโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor)หรือEEC ด้วย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดในภาคตะวันออก ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ซึ่งทำให้ประเมินว่า จะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวจ.ระยองเพิ่มขึ้น ทางจังหวัดจึงต้องเตรียมพร้อมรองรับ ทำให้ดีและมีความปลอดภัยด้วย
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวชุมชนที่โดดเด่นของจังหวัดระยอง ล้วนดึงต้นทุนและอัตลักษณ์ที่มีอยู่แล้วในท้องถิ่นมาเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาชมกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านวิถีชีวิตชุมชน การพัฒนาอาชีพ อาหารถิ่น ประเพณีวัฒนธรรมที่กลายเป็นเสน่ห์ในตัวเอง
ในเวลานี้มีการเปิดเส้นทางใหม่ ๆ เป็นแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่สะท้อนวิถีชาวบ้านแบบเก่า ที่คนรุ่นใหม่อาจไม่ค่อยได้เห็น ดัง “บ้าน ฒ เฒ่า” ที่ ชุมชนบ้านไผ่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ที่มีคุณลุงประดิษฐ์ธนู สำหรับใช้ล่าสัตว์หรือไล่สัตว์ โดยใช้วัสดุในท้องถิ่นที่มีการปลูกไผ่จำนวนมาก มีการใช้กาบหมากมาทำเป็นกระเป๋าสำหรับใส่ลูกธนูและลูกกระสุน เป็นต้น
หรือพาไปชมผู้มีความสามารถ “ปีนต้นหมาก” ซึ่งเป็นภาพที่คนรุ่นใหม่ ไม่ค่อยได้เห็นกันแล้ว พร้อมทั้งโชว์ทักษะพิเศษโน้มตัวกระโดดจากต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่งได้อีก โดยไม่ต้องเสียเวลาลงมาเพื่อจะไปขึ้นต้นต่อไป
เส้นทางท่องเที่ยวมีการเชื่อมโยงวัด ถ้ำ ป่าชายเลน แหล่งเรียนรู้ อาชีพและเส้นทางน้ำหลากหลายทำให้ไม่น่าเบื่อ
ตื่นตาตื่นใจกับ แคคตัส “เพชรแต้มสี”
แต่สถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่น ที่น่าจะโดนใจหลาย ๆคนให้อยากแวะมาเที่ยวซ้ำ น่าจะเป็น ศูนย์เพาะพันธุ์กระบองเพชร หรือแคคตัส “เพชรแต้มสี” ตั้งอยู่เลขที่ 109/3 หมู่ 1 ถนนหาดแม่รำพึง ตำบลบ้านเพ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ซึ่งเข้าไปแล้วจะได้พบกระบองเพชรที่สวยงาม ตื่นตาตื่นใจ และยิ่งน่าทึ่งเป็นอย่างมากเมื่อได้ทราบว่า เป็นความสำเร็จ ที่เกิดจากความรักที่จะทำเป็นที่ตั้งของ คุณไข่มุก ฉวีวรรณากร สร้างสรรค์อาณาจักรกระบองเพชรนับล้านชิ้นได้จากการเริ่มต้นเพียงแค่ 3 ต้นเท่านั้น และขยายพันธุ์ด้วยความที่รัก ทะนุถนอม โดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมด
ความพิเศษของศูนย์แห่งนี้อีกอย่าง คือ เพาะแคคตัสจากเมล็ดและที่เด่น ๆ เป็นสายพันธุ์ไม้ด่าง ไม่ได้ใช้ “ปุ๋ย” หรือสารเคมีใดๆ เพื่อเร่งการเจริญเติบโต ด้วยมุ่งสร้างแคคตัสที่มีคุณภาพดีเป็นพิเศษ นั่นเอง จนได้แคคตัส สีสันลวดลายสลับสีขึ้นโดยธรรมชาติ มีการผสมผสานหลายสีสันและมีพัฒนาการทางรูปร่างต่าง ๆ แปลกตา จนสามารถคว้ารางวัลมามากมาย นอกจากนี้ยังมีการเพาะขยายพันธุ์แคคตัสที่หายากอื่นๆ ด้วย
จึงไม่น่าแปลกใจที่จะทำให้ “เพชรแต้มสี” กลายเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก มีราคาขายตั้งแต่หลักหลายร้อยบาทไปจนถึงหลักหลายแสนบาท หรือหลักล้าน ในแต่ละเดือนมียอดขายจำนวนมาก โดยมีออเดอร์มาจากทั้งไทยและเทศ โดยลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่จะมาจาก ญี่ปุ่น และจีน
แคคตัสเป็นไม้ประดับใช้ตกแต่งบ้านได้สวยงามอีกชนิดหนึ่ง ช่วยเติมเต็มบรรยากาศบ้านพักให้น่าอยู่ ดูแลรักษาก็ง่าย หรือจะนำใส่กระถางสวย ๆ มอบเป็นของขวัญที่น่าประทับใจแก่คนที่รัก หรือเพื่อน ๆ ในโอกาสต่าง ๆ ได้อีก
ผู้ที่สนใจหากต้องการมาเที่ยวชม แต่มาไม่ถูก ทาง “เพชรแต้มสี” สามารถจัดสรรแผนการเดินทางให้คุณได้ หรือหากเดินทางมาเอง เพื่อเยี่ยมสถานเพาะพันธุ์แคคตัส เปิดบริการในวันเสาร์ เวลา 10.00 น. ถึง 15.00 น. สำหรับลูกค้าที่นัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น โดยต้องนัดล่วงหน้าเป็นเวลา 3 วัน
ส่วนผู้สนใจซื้อหาแคคตัสสวย ๆและไม่อยากเดินทางไกล สามารถไปชมได้ที่ ตลาดนัดจตุจักร โซนริมทางถนนคนเดินโครงการ 20 บริเวณด้านหน้าห้องน้ำหมายเลข 5 ตลาดนัดสวนจตุจักร ถนนพหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ซึ่งเปิดให้บริการด้วยบรรยากาศผ่อนคลายสบายๆ เป็นกันเองใจกลางเมือง พร้อมทีมงานที่คอยดูแลช่วยเลือกสรรแคคตัสที่โดนใจ
นอกเหนือจากนั้น ทาง “เพชรแต้มสี” ยังมีบริการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ สั่งซื้อจากต่างประเทศหรือสั่งซื้อจำนวนมากได้ด้วย โดยยอดการสั่งซื้อขั้นต่ำตั้งแต่ 1,500 USD. ขึ้นไป ราคาแคคตัสยังไม่รวมค่าจัดส่งหรือค่าใช้จ่ายอื่นใด ซึ่งเค้าสามารถจัดส่งสินค้าไปยังจุดหมายปลายทางได้ทั่วโลก
สวนหม้อข้าว หม้อแกงลิง บ้านตาขัน
สำหรับอีกสถานที่ที่ไปแล้วหลายคนต้องประทับใจ ได้แก่ “สวนหม้อข้าว หม้อแกงลิง บ้านตาขัน” ที่เปิดโอกาสให้ผู้ไปเยือนได้สัมผัสสวนพืชกินแมลงใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยมี ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง หลากหลายสายพันธุ์ให้ได้ชมกัน โดยสวนแห่งนี้ซึ่งมีพื้นที่ 16 ไร่ เป็นแหล่งรวมสายพันธุ์หม้อข้าวหม้อแกงลิงมากกว่า 500 สายพันธุ์เป็นที่แรกในไทย เมื่อแวะมาแล้วได้พบเห็นต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง สวยงาม น่ารักมากมาย หลายรูปทรงกลม ทรงรี ทรงกระบอก หรือแม้แต่ขนาดจิ๋ว ๆ
มาแล้วได้ทั้งความรู้ เพราะที่นี่ได้จัดเป็นศูนย์เรียนรู้ด้วย พร้อมทั้งได้นั่งเล่นพักผ่อน ในบรรยากาศที่ร่มรื่นไปด้วยในตัว ดื่มกาแฟสด ซึ่งมีร้านเล็ก ๆ ให้บริการ นั่งชิล ๆ
หากจะซื้อไปเลี้ยงเป็นไม้ประดับบ้านก็มีราคาตั้งแต่หลักไม่กี่สิบบาทไปจนถึง หลักร้อย หลักพัน หมื่น ส่วนประเภทใบด่างจะมีราคาสูงหน่อย เป็นหลักแสนบาท
ราคาต้นละ 40 บาทก็มี ต้นสายพันธุ์ใหม่ สายวิง หรือริบบิน ราคามากกว่า 10,000 บาท ดูแลรักษาง่าย ชอบน้ำ ชอบแดด รดน้ำ เพียงวันละ 1-2 ครั้งก็ได้ รับรองได้ว่า เป็นอีกสถานที่ที่มาแล้วคุณจะเดินชมได้ทั้งวันโดยไม่รู้จักเบื่อเลยทีเดียว
นอกเหนือจากนี้ระยองยังมีสถานที่น่าไปเยือนอีกหลายแห่ง เช่น สวนพฤกษศาสตร์ระยอง ชมธรรมชาติภายในพื้นที่ชุ่มน้ำของบึงสำนักใหญ่(หนองจำรุง) ตำบลชากพง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 3,800 ไร่ โดยทางจังหวัดระยอง และประชาชนในท้องถิ่น เห็นชอบให้สวนพฤกษศาสตร์ ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ในเบื้องต้น ประมาณ 1,193 ไร่ เมื่อปี พ.ศ. 2545 เพื่อพัฒนาจัดตั้งศูนย์รวมพรรณไม้ภาคตะวันออก ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ และให้บริการเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนในท้องถิ่นและผู้มาเยี่ยมชม เพื่อสร้างความเข้าใจในแนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากรพื้นที่ชุ่มน้ำและพรรณไม้ท้องถิ่นร่วมกันให้มากขึ้น
วัดถ้ำวัฒนมงคล ซึ่งได้ชมเจดีย์ขนาดใหญ่ สูงกว่า 52 เมตร ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
มีโครงสร้างคงทนถาวร สามารถมีอายุได้นับพันปี ภายในเจดีย์เป็นแหล่งรวมวัตถุมงคลสมัยโบราณตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เสมือนเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ชนรุ่นหลังได้มาเห็น ศิลปะในยุคต่างๆ ผ่านวัตถุมงคล และพระพุทธรูป สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ทุกวัน
สำหรับที่ “วัดถ้ำเขาประทุน” ต.เขาน้อย อ.เขาชะเมา ในจุดแรกเราสามารถเดินเข้าไปไหว้พระประจำวันเกิดของตัวเองในถ้ำและเดิมชมเข้าไปเรื่อยๆถึงจุดที่ชาวบ้านเชื่อกันว่า เป็นจุดที่ถ่ายรูปแล้วจะเห็นแสงของพญานาค
ส่วนอีกจุดเป็น “ถ้ำหุบผาสวรรค์” เป็นอันซีนที่สร้างความสนุกสนานให้แก่บรรดานักท่องเที่ยวอยู่ไม่น้อย เพราะต้องนั่งเรือรอดถ้ำไปชมด้านใน
โดยบางช่วงบางตอน เราต้องก้มลง เพื่อไม่ให้ชนกับเพดานถ้ำที่ต่ำเตี้ย ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเดินทางและเมื่อโผล่พ้นปากถ้ำ ก็ต้องประทับใจกับโลกสีเขียว ที่เหมือนอยู่ในหุบเขา เป็นพื้นที่ที่เงียบสงบ มีอากาศถ่ายเท ซึ่งมัคคุเทศน์ตัวน้อย ๆที่นำทางเล่าว่า มีการใช้พื้นที่แห่งนี้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมด้วยและไม่เคยปรากฎว่าน้ำท่วมถึงพื้นที่ด้านใน นอกจากนี้ยังมีแยกย่อยเป็นส่วนของถ้ำนาคีและมีจุดสำหรับชมหินที่ถูกน้ำกัดเซาะจนเป็นรูปคล้ายรอยพระพุทธบาท และน้ำที่ขังอยู่ ชาวบ้านเชื่อกันว่า เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ สามารถเอาน้ำที่อยู่ในนี้มาลูบที่ศีรษะเพื่อความเป็นศิริมงคลได้
ส่วนสถานที่น่าไปเยือนอื่น ๆ มีทั้งสะพานชมป่าชายเลน-ทุ่งโปรงทอง ตั้งอยู่ในเขตชุมชนบ้านแสมภู่ ปากน้ำประแส อ.แกลง โดยสามารถล่องเรือชมป่าชายเลน เดินชมสะพานไม้ลัดเลาะไปตามป่าโกงกางประมาณ 200 เมตร ก็จะพบกับ สะพานทอดยาวไปชมทุ่งโปรงทอง โดยเราสามารถเดินชมธรรมชาติและสูดอากาศบริสุทธิ์ ฝ่าทุ่งโปรงทองยาวไปสิ้นสุดที่ทะเลประแสประมาณ 750 เมตร มีจุดชมวิวที่เราจะได้เห็นทุ่งได้อย่าง 360 องศา และที่จุดนี้ยังเป็นจุดชมหิ่งห้อยด้วย ซึ่งพบมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว (เดือน พ.ค.-ต.ค.) ของทุกปี
ในพื้นที่ ต.ปากน้ำประแส อ.แกลงเหมือนกัน เรายังสามารถไปสักการะ ศาลพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพร ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านปากน้ำประแส ต.ปากน้ำประแส อ.แกลง เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร. 9) และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีประดิษฐานพระบรมรูปพลเรือเอกพระบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2512 และมีการจัดงาน มหรสพสมโภชน์ระหว่างวันที่ 10 – 20 ธันวาคม ของทุกปี นับเป็นโอกาสอันดีที่สุดที่ชาวบ้านตำบลปากน้ำกระแสและใกล้เคียงได้ชมพระบารมีโดยใกล้ชิดทุกปีจะมีพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณ
ไม่ไกลกันนั้นยังสามารถไปชมเรือรบหมายเลข 412 หรือเรือรบหลวงประแสร์เป็นเรือปลดประจำการ ตั้งอยู่ในจุดชมวิวที่สวย สามารถขึ้นไปบนเรือได้ทุกชั้น เพื่อสำรวจ ตอนนี้เรือเพิ่งปรับปรุงใหม่ ทำสีใหม่ สวยงาม มีนักท่องเที่ยว ทั้งไทยและต่างชาติ ได้สัมผัสถึงความอลังการ ย้อนรำลึกถึงครั้งนึงเรือรบนี้เคยได้ถูกใช้งานทำหน้าที่สำคัญรักษาอธิปไตยน่านน้ำไทยมา
นอกจากนี้ไปชม ตะเคียนใหญ่อายุ 500 ปี เป็นต้นตะเคียนศักดิ์สิทธิ์ในบริเวณวัดตะเคียนงาม ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชุมชนปากน้ำประแสมาแต่โบราณ เป็นสัญลักษณ์สำคัญของวัดตะเคียนงาม เพราะในสมัยก่อนชาวประมงจะใช้ต้นตะเคียนใหญ่ 2 ต้น เป็นเครื่องหมายเมื่อนำเรือออกไปหากินกลางทะเล ภายในบริเวณวัดยังมีต้นตะเคียนขนาดรองลงมาอีกหลายร้อยต้นและไม้อื่น ๆ อีกหลายชนิด
วัดราชบัลลังก์ หรืออีกชื่อคือ วัดทะเลน้อย ตั้งอยู่ที่บ้านทะเลน้อย อ.แกลง เป็นที่พักกองทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จผ่านเพื่อนำทหารไปตีเมืองจันทบุรี และได้หยุดพักที่บ้านทะเลน้อยนี้ ชื่อของวัดราชบัลลังก์ มาจากบัลลังก์ที่ประทับซึ่งได้รับพระราชทานจากพระเจ้าตากสินพระอุโบสถหลังเก่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาอายุกว่า 300 ปี ลักษณะทรงไทย หนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ทำจากหวายหรือต้นหวายในการร้อยรัดรูปหล่อได้อย่างลงตัว ยังคงความงดงามในระดับหนึ่งพระพุทธรูปฉาบปูนปิดทององค์นี้มีชื่อว่าหลวงพ่อคงไว้เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยทำด้วยโครงไม้ฉาบปูน พระประทานเก่าแก่ โครงสร้างหวาย ฉาบปูนปิดทอง เจดีย์เก่าแก่สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2430 เชื่อกันว่าแต่ก่อนบรรจุของมีค่าไว้มากมาย แต่ปัจจุบันของเก่าได้สูญหายไปเกือบหมดแล้ว
สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ เจดีย์กลางน้ำ ซึ่งตั้งอยู่ที่ต. ปากน้ำ อ. เมือง จ.ระยอง โดยเจดีย์กลางน้ำนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดระยอง และเป็นสิ่งที่ชาวระยองเคารพนับถือมาช้านาน ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำระยอง ท่างกลางป่าชายเลนที่ยาวเหยียดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด มีน้ำล้อมรอบ เนื้อที่ราว 52 ไร่ ราวกลางเดือน 12 ของทุกปี จะมีงานประเพณีทอดกฐินและงานห่มผ้าเจดีย์
ใกล้ ๆ กันนั้นจะได้พบกับ หอชมวิวเฉลิมพระเกียรติ ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ โดยศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ถูกสร้างขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้วและเพื่อให้เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านระบบป่านิเวศชายเลน ซึ่งมีมากในบริเวณชายฝั่งของจังหวัดระยองและจังหวัดใกล้เคียง และเป็นแหล่งอาหาร ที่อยู่อาศัยของสัตว์อีกหลายชนิด เนื่องจากพื้นที่นี้มีระบบนิเวศที่ดี มีความอุดมสมบูรณ์
ส่วนหอชมวิว มีโครงสร้างเป็นทรงสามเหลี่ยม 11 ชั้น มีจำนวนขั้นบันได 99 ขั้น กว้าง 8 เมตร สูง 22.10 เมตร สามารถชมทัศนียภาพได้ไกลกว่า 400 เมตร แบบรอบด้าน
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแหล่งท่องเที่ยวชุมชนต่าง ๆ ของจ.ระยองเท่านั้น
เพราะฉะนั้น หากจะมาระยอง คงต้องบอกว่า ขอเวลาหลายวันหน่อย.. มิเช่นนั้น คุณจะเที่ยวไม่ทั่ว …นะคร๊าบ…