กสอ.เสริมแกร่ง SMEs แข่งขันได้
จัดติวเข้ม e-learningฝ่ายุคดิจิทัล
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าจัดกิจกรรม DIP e-learning for e-commerce หลักสูตร e-commerce ในระบบ e-learning หวังเพิ่มองค์ความรู้และสร้างความเข้มแข็งให้ SMEs แข่งขันได้ในยุคดิจิทัล ชี้ที่ผ่านมาการส่งเสริมด้วยรูปแบบเดิมไม่ทันใจต้องปรับใหม่เป็นเรียนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เน้นผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเดิม และ 5 อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ มั่นใจด้วยกิจกรรมนี้จะช่วยให้ร้อยละ 10 ของผู้จบการอบรมจำนวน 100 ราย สามารถนำความรู้ที่ได้ไปช่วยในการเพิ่มยอดขายไม่น้อยกว่า 10 %
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานเปิดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (DIP e-learning for e-commerce) โดยมีนายวาที พีระวรานุพงศ์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาดิจิทัลอุตสาหกรรม กล่าวรายงาน ณ The Helix Garden ชั้น 5 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ สุขุมวิท กรุงเทพฯ
นายกอบชัยเปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของทุกคนอย่างเห็นได้ชัด และยังเข้ามามีบทบาทในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคให้เปลี่ยนไปหันมาให้ความสนใจกับตลาดออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกสบาย ทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อให้ตอบรับกับความต้องการดังกล่าว โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ที่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการทำตลาดแนวใหม่ หันมาใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-commerce) เป็นเครื่องมือในการเพิ่มศักยภาพทางการตลาด ให้สอดคล้องและทันต่อการแข่งขันของตลาดโลกกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป
ดังนั้นกองพัฒนาดิจิทัลอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จึงจัด “กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” (DIP e-learning for e-commerce) ขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อเปิดโอกาสในการเข้าถึงองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อเพิ่มยอดขายด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้กับ SMEs ด้วยการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญและผู้มีประสบการณ์ตรงในการดำเนินธุรกิจด้าน e-commerce โดยผ่านระบบ e-learning ที่มีระบบการเรียนรู้ที่พัฒนาแล้ว ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ไปวงกว้างมากขึ้น มุ่งเน้น SMEs ในภาคการค้า หรือภาคบริการ หรือภาคอุตสาหกรรม ครอบคลุมทุกสาขาอุตสาหกรรมรวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเดิม และ 5 อุตสาหกรรมอนาคต (New S-curve)
โดยตั้งเป้าหมายมีจำนวนผู้ผ่านการเรียนรู้ “ผู้จบการอบรม” ในกลุ่มเป้าหมาย จำนวนไม่น้อยกว่า 100 รายและผู้เข้าเรียนในระบบออนไลน์ ผ่านระบบเรียนรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์และจบการอบรม สามารถผ่านการทดสอบการวัดองค์ความรู้ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยร้อยละ 10 ของผู้จบการอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้ไปช่วยในการเพิ่มยอดขายไม่น้อยกว่า 10 % และผู้เข้าร่วมเรียนรู้ผ่านระบบ e-learning ประเมินความพึงพอใจโดยรวมได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 ส่วนที่ปรึกษาประมวลผลข้อมูลผู้เข้าร่วมเรียนรู้ด้วยแบบประเมิน (Self-Assessment) ที่สามารถนำผลที่ได้มาเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ต่อไป
“ที่ผ่านมากรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ดำเนินการจัดกิจกรรม เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เพิ่มศักยภาพทางการตลาดผ่านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละปีสามารถฝึกอบรมให้ SMEs ไม่น้อยกว่า 5,000 คนต่อปี แต่ยังนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวน SMEs ไทย ทั้งภาคการค้า บริการและการผลิตที่มีอยู่กว่า 3 ล้านคน จึงจำเป็นต้องหาเครื่องมือ ที่จะช่วยให้ SMEs สามารถเข้าถึงองค์ความรู้ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้ในจำนวนมีมากขึ้น
โดยกรมฯได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พัฒนาระบบการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ผ่านเว็บไซต์ https://dip-sme-academy.com เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้เข้าถึงองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการเพิ่มศักยภาพในการประกอบธุรกิจ การเพิ่มยอดขายด้วยช่องทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ รวมถึงการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญและผู้มีประสบการณ์ตรงในการดำเนินธุรกิจ e-commerce
ซึ่งการพัฒนาระบบการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์หรือ e-learning ในครั้งนี้เน้นการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้ทันสมัย และมีมาตรฐานได้รับการยอมรับในระดับสากล ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปูพื้นฐานให้แก่ผู้ประกอบการก่อนยกระดับเพื่อเข้าสู่แพลตฟอร์ม e-commerce ทั้งในและต่างประเทศ สู่การเพิ่มยอดขายอย่างยั่งยืนต่อไป เชื่อว่า ระบบดังกล่าวจะช่วยเพิ่มจำนวน SMEs ให้มากขึ้น ในการเข้าถึงองค์ความรู้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และช่วยให้เพิ่มศักยภาพทางการตลาดได้เพิ่มมากขึ้นด้วย”
นายกอบชัย กล่าวต่อว่า “ขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาหลักสูตร เนื้อหาบทเรียน 5 บทเรียนจากทั้งหมด 40 บทเรียนที่เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการค้าอิเล็กทรอนิกส์และอีก 35 บทเรียนจะมีการพัฒนาต่อไป”
ในส่วนของกลุ่มเป้าหมายนั้น จะเน้นกลุ่ม SMEs ในภาคการค้า หรือภาคบริการ หรือ ภาคอุตสาหกรรม โดยครอบคลุมทุกสาขาอุตสาหกรรมรวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเดิม ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ (First S-curve) 2.อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next-Generation Automotive) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics) 3.อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Affluent, Medical and Wellness Tourism) 4.อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ (Agriculture and Biotechnology) และ 5.อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร (Food for the Future)
ยิ่งไปกว่านั้น จะให้ความสำคัญกับ 5 อุตสาหกรรมอนาคต (New S-curve)ด้วย ซึ่งได้แก่ 1.หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม (Robotics) 2.อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation and Logistics) 3.อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemicals) 4.อุตสาหกรรมดิจิทัล (Digital) และ 5.อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub)
สำหรับการอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ผู้ประกอบการ SMEs ในปี 2562 นี้ตั้งเป้าไว้ที่ 10,000 ราย โดยทางส่งเสริมอุตสาหกรรมจัดอบรมจำนวน 5,000 ราย และทางเครือข่ายร่วมอบรมจำนวน 5,000 ราย
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยการเร่งผลักดันให้เกิดผู้ประกอบการและธุรกิจรูปแบบใหม่อย่างจริงจัง รวมทั้ง สร้างโอกาสและส่งเสริมกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ เพื่อผลักดันให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนาเศรษฐกิจ อันจะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ DIP e-learning for e-commerce หลักสูตร e-commerce ในระบบ e-learning สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (กส.) กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 023678201-4 หรือคลิกไปที่เว็บไซด์ www.dip.go.th
ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก- Facebook กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIP)