จุดธูป..ทำบุญเสี่ยงมะเร็ง-กระทบสวล.
ธูป 1 ตันพ่นก๊าซคาร์บอนฯ325.1กก.
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับ คณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จัดเสวนา เรื่อง “ธูป…ทำบุญ…ผลต่อสุขภาพ…มะเร็ง???” เผยงานวิจัยทีมนายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ พบควันธูปมีสารก่อมะเร็งถึง 3 ชนิด การจุดธูปทุก 1 ตันจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 325.1 กิโลกรัม พร้อมทั้งฝุ่นละอองขนาดเล็ก
พลโท ชัยยุทธ พร้อมสุข ประธานคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีเปิดงานเสวนา วิชาการ เรื่อง “ธูป…ทำบุญ…ผลต่อสุขภาพ…มะเร็ง???” เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ จนนำไปสู่การตกผลึกในวิธีการดำเนินการและแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมสำหรับสังคมไทย และเพื่อศึกษาเป็นไปได้ในการออกข้อกำหนดเพื่อควบคุมการผลิตธูป และสถานที่ ที่ควรระมัดระวังในการใช้ธูป ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์สิ่งแวดล้อม ร่วมกับคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จัดขึ้น
ดร.ขวัญฤดี โชติชนาทวีวงศ์ ผู้ดำเนินรายการ
งานดังกล่าวจัดขึ้นสืบเนื่องจากนายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ และ ดร. พนิดา นวสัมฤทธิ์ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เปิดเผยศึกษาวิจัย “สารก่อมะเร็ง : ภัยเงียบที่มากับควันธูป” พบว่า ควันธูปมีสารก่อมะเร็ง 3 ชนิด ได้แก่ เบนซีน บิวทาไดอีน และ เบนโซเอไพรีน เพราะธูปเป็นเครื่องหอมที่ทำจากขี้เลื่อย กาว น้ำมันหอมสกัดจากพืช ไม้หอม ใบไม้ เปลือกไม้ รากไม้ เมล็ดพืช เรซิน และสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรม น้ำหอม พอกอยู่บนก้านไม้
“สารเหล่านี้มีผลทำลาย DNA ในโครโมโซม จนทำให้ซ่อมแซมไม่ไหวและกลายเป็นมะเร็ง แม้แต่ธูปไร้ควันก็มีสารก่อมะเร็ง มีเบนซีนสูง ส่วนในขี้เถ้าธูป มีแมงกานีส ที่ไปทำลายสมอง ฝุ่นธูปมีโลหะหนักโครเมียมสูง ซึ่งสามารถเป็นสารก่อมะเร็งเช่นกัน”
ขณะเดียวกันการวิจัยยังพบว่า ธูปมีหลายรูปแบบหลายขนาดตั้งแต่เล็กถึงใหญ่มาก ๆ เผาไหม้หมดในเวลา 20 นาที – 3 วัน 3 คืน ในประเทศไทย ในการบูชาพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ บางคนต้องจุดธูปถึง 9 ดอกโดยมีการคาดการณ์ว่า มีคนจุดธูปทั่วโลก เป็นหมื่นถึงแสนตันต่อปี และทุก ๆ 1 ตัน ของธูปจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 325.1 กิโลกรัม และก๊าซมีเทน 7.2 กิโลกรัม ดังนั้นหากปีหนึ่งทั้งโลก มีคนจุดธูป เป็นหมื่นถึงแสนตัน จะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมีเทนออกมาเป็นจำนวนมหาศาล
“ในส่วนของการศึกษาผลกระทบของควันธูปต่อสุขภาพนั้น พบว่า คนที่ทำงานในวัดเปิดรับสารจากธูปสูงกว่า และพบอีกว่า คนกลุ่มนี้ยังมีการทำลายของ DNA ในโครโมโซมแตกหักเพิ่มขึ้น จนไม่สามารถซ่อมแซมได้ ซึ่งจะทำให้กลายเป็นมะเร็งในที่สุด
ดังนั้นการเปิดรับความเสี่ยงจากควันธูปจึงเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์และการเปิดรับควันธูปเป็นระยะยาวยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพเป็นโรคต่าง ๆ รวมถึงมะเร็ง”
พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก ประธานคณะอนุกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมชุมชนเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ทั้งนี้เวทีเสวนาได้เสนอให้การดำเนินการของภาครัฐมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของการควบคุมการผลิตธูปให้ได้มาตรฐาน ซึ่งต้องผ่านการรับรองจากมอก.ที่เป็นมาตรฐานระดับประเทศ มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนและฉลากเขียว การศึกษาเป็นระยะยาวของโอกาสการเกิดมะเร็งและใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวนมาก ซึ่ง พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก ประธานคณะอนุกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมชุมชนเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า การพูดคุยกันในประเด็นต่าง ๆ วันนี้ทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะดำเนินการตามระบบของทางราชการต่อไป
ในเวลาต่อมาได้มีการแถลงข่าวเรื่อง “การรับมือเชิงรุกกับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5…ท่วมกรุงเทพมหานครและปริมณฑล”โดย พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก ประธานคณะอนุกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมชุมชนเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และนายสมปรารถนา สุขทวี ผู้อำนวยการกองนโยบายและแผนการวิจัย ร่วมกันแถลงข่าว
ขอบคุณภาพประกอบจาก-https://www.medicaldaily.com/